มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยค่าใช้จ่ายประชาชนในวันวาเลนไทน์ ปี พ.ศ.2566 พบเงินสะพัด 2,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.5% คึกคักสุดในรอบ 3 ปี
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจเผยผลสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันวาเลนไทน์ ปี พ.ศ.2566 ว่า ได้สำรวจ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,255 ราย ทั่วประเทศ พบว่า วาเลนไทน์ปีนี้ จะมีเม็ดเงินสะพัด 2,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.5% บรรยากาศคึกคักสุดในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ที่ประเทศไทยเริ่มมีการระบาดของ COVID-19
ส่วนค่าใช้จ่ายโดยรวมในช่วงวาเลนไทน์เฉลี่ย 1,848.82 บาทต่อคน เมื่อถามถึงค่าใช้จ่าย เฉพาะการซื้อของมอบให้กับคู่รัก เมื่อจำแนกตาม Gen จะพบว่า Gen X มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1,666 บาทต่อคน Gen Y มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1,251 บาทต่อคน และ Gen Z มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 823 บาทต่อคน โดยเฉลี่ยแล้วมีค่าใช้จ่ายเฉพาะการซื้อของมอบให้คนรัก 1,100 บาท/คน
สำหรับการไปฉลองวาเลนไทน์ปีนี้นั้น ผลการสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่าง 49.2% ต้องการจะไปฉลองวาเลนไทน์กับคนรัก หรือคนรู้ใจ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างในสัดส่วนใกล้เคียงกัน 50.8% ตอบว่าไม่ไปฉลอง โดยสถานที่ที่ต้องการไปฉลองวาเลนไทน์มากสุด คือ ห้างสรรพสินค้า รองลงมา คือ คาเฟ่ และร้านอาหาร ส่วนปัจจัยที่ใช้ในการเลือกซื้อของขวัญในวันวาเลนไทน์5 อันดับแรก คือ ความชอบของผู้รับ รองลงมา คือ ความสะดวก, ประโยชน์, ความนิยม และราคา
“เม็ดเงินสะพัด 2,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.5% ทำให้คาดว่าวาเลนไทน์ปีนี้ บรรยากาศจะกลับมาคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา แต่อาจจะไม่คึกคักเต็มที่ เนื่องจากวันที่ 14 ก.พ.ปีนี้ ตรงกับวันอังคาร ซึ่งเป็นวันธรรมดา ไม่ใช่ช่วงวันหยุด แต่คาดว่าวาเลนไทน์ปีหน้า (2567) จะคึกคักมากกว่านี้ เพราะดูจากโครงสร้างเศรษฐกิจ”นายธนวรรธน์ กล่าว
