บริษัท ไทยพลาสติก รีไซเคิล กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการรีไซเคิลขวดพลาสติก PET ร่วมลงนามความร่วมมือทางวิชาการ “มาตรฐานระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียน (CEMS) สำหรับองค์กร” เพื่อผลักดันนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน (CircularEconomy) ระหว่าง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกลยุทธ์ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ วีกรีน คณะสิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และบริษัทเอกชนรวม 32 บริษัท จาก 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย เกษตรอาหาร วัสดุก่อสร้างพลาสติก บรรจุภัณฑ์ แฟชั่นไลฟ์ สไตล์ และพลังงานหมุนเวียน โดยได้รับเกียรติจาก ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีม.เกษตรศาสตร์ รศ.ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง ผู้อำนวยการวีกรีน ในฐานะหัวหน้าโครงการฯ และ นายพงษ์ศกัดิ์จึงรุง่ เรืองวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยพลาสติก รีไซเคิล กรุ๊ป ตัวแทนบริษัทฯร่วมลงนาม
บริษัทไทยพลาสติก รีไซเคิล กรุ๊ป เป็น 1 ใน 32 บริษัทนำร่องที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ เป็นไปตามเกณฑ์พิจารณา คือต้องเป็นบริษัทที่มีนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างชัดเจน มีระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO14001มีทรัพยากรและบุคลากรที่สามารถจะให้ความร่วมกับทางโครงการฯ และสามารถแสดงข้อมูลในการดำเนินการตามข้อก าหนดของมาตรฐานได้ โดยมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับการตรวจประเมินในการขอการรับรองมาตรฐาน สมช. 2 เล่ม 2 ทั้งนี้โครงการนี้จะช่วยส่งเสริมให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ น าไปสู่การลดปริมาณของเสีย รวมทั้งลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นนโยบายระดับชาติสู่การประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในภาคเอกชนอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับโครงการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาระบบการตรวจสอบและรับรองระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนองค์กรเพื่อผลักดันนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน” นี้ ทางวีกรีน คณะสิ่งแวดล้อม ม.เกษตร ร่วมกับ ส านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)โดยได้รับการสนับสนุนทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หรือ บพข. มีระยะเวลาดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนำร่อง ตั้งแต่ ก.ค. 2565- ธ.ค. 2566โดยมาตรฐานฯดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้องค์กรและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ และจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่มีการพัฒนาระบบ Certification System ในเรื่องของ Circular Economy Management System ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าธุรกิจในตลอดห่วงโซ่อุปทาน ช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาด และสามารถที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในภาพรวมต่อไป