สตาร์บัคส์ ตั้งเป้าจะขยายหน้าร้านให้ได้มากกว่า 400 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิก ภายในปี 2023 นี้ ซึ่งนับเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ในรอบ 5 ปี ครอบคลุมทั้งอินเดีย อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และลาว ที่จะเปิดเป็นสาขาแรก โดยบริษัทระบุว่า การขยายสาขาในปีนี้จะเน้นที่เมืองรองเป็นหลัก
ไมเคิล คอนเวย์ ประธานฝ่ายพัฒนาช่องทางระหว่างประเทศของสตาร์บัคส์ เผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของสตาร์บัคส์ เกิดจากที่บริษัทต้องการคว้าโอกาสที่ภูมิภาคเอเชียกำลังกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ในขณะที่กำลังฟื้นตัวจากวิกฤต COVD-19
“เรากำลังเห็นกระแสลมเปลี่ยนไป สู่กระแสลมในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากโควิด ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญสำหรับสตาร์บัคส์ทั่วโลก และเรายังคงมองในแง่ดีเกี่ยวกับการเติบโตและโอกาสในระยะยาว โดยได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นและการบริโภคกาแฟที่เพิ่มขึ้น”ไมเคิลกล่าว
ทั้งนี้ สตาร์บัคส์ ได้แบ่ง ประเทศจีนและญี่ปุ่น ออกจากการบริหารของภูมิภาค เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศนั้นถือเป็นประเทศที่มีโอกาสเติบโตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยจีนถือเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดของบริษัท แม้ว่าโควิดจะทำให้บริษัทสะดุดลงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิมในจีน ลดลง 29% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 ส่วนรายได้จากตลาดเอเชียแปซิฟิกเติบโตขึ้นถึง 20%
“ตลาดของเรานอกประเทศจีนทำงานได้ดีกว่าที่เราคิด”
ปัจจุบัน สตาร์บัคส์กำลังปรับโฉมร้านไปสู่รูปแบบ ไดรฟ์ทรู มากขึ้น เนื่องจากลูกค้ามองหาความสะดวกสบายมากขึ้น โดยปัจจุบัน สาขาที่เป็นไดรฟ์ทรูของสตาร์บัคส์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 สาขา และในปีนี้ สตาร์บัคส์มีแผนจะเพิ่มสาขาในรูปแบบไดรฟ์ทรูอีกประมาณ 100 สาขาทั่วภูมิภาคภายในปี พ.ศ.2566 นี้