Advertisement
Leaderboard 728x90

“ไม้ยางพาราไทย” มีโอกาสสดใส ลุยเปิดตลาด อินเดีย เวียดนาม มาเลเชีย

“ไม้ยางพาราไทย” ไตรมาส 4 มีความหวัง “จีน” ตลาดใหญ่กระตุ้น จีดีพี. 5 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเปิดตลาด อินเดีย เวียดนาม มาเลเซีย และยังมีทิศทางขายคาร์บอนด์เครดิต อีกเข้าสู่ FSC ขายได้ในตลาดสภาพยุโรป สหรัฐ

นายนิกร ลิขิตหวังพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูศักดิ์แอนด์พรรณีลีดเดอร์ จำกัด นายกสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย เปิดเผยว่า ภาวะธุรกิจไม้ยางพาราไทย มีทิศทางที่ดีขึ้นจากที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งไทยส่งออกเป็นตลาดใหญ่ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ เนื่องจากจีนมีนโยบายต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ได้ จีดีพี. (GDP – Gross Domestic Product) ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ 5 เปอร์เซ็นต์

Advertisement
Kreamy Proof

นอกนั้นไม้ยางพารามีโครงการคาร์บอนเครดิต เพื่อขายให้กับตลาดโลก ก็จะมีผลต่อไม้ยางพาราด้วย เช่น ปลายไม้ ปีกไม้ เศษไม้ ก็จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์วู๊ดพาเลท (wood palle) พลังงานโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยใช้สำกลุ่มเศษไม้ เมื่อได้รับการส่งเสริมเป็นอุตสาหกรรมวูดพาเลซ ฯลฯ จะเป็น 1.20 บาท / กก. ประมาณ 1,200 บาท / ตันจากราคาประมาณ 800 บาท/ ตัน

นอกจากไม้เกรดที่ได้แปรรูปผลิตไม้ปาติเกิล (Particle Board) ไม้ MDF (Medium-Density Fiberboard) ไม้อัด (Plywood) ฯลฯ แล้ว และยางพารา ยังได้มีการปรับปรุงเข้าเอฟเอสซี FSC (Forest Stewardship Council) ซึ่งต่อไปตลาดสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ที่มีความต้องการไม้ ไม้ยางพาราไทยก็ส่งเข้าตลาดได้ทั้งหมด และรัฐบาลยังได้ส่งเสริมเปิดตลาดไม้ยางพาราไปยังประเทศอินเดีย ประเทศเวียดนาม และประเทศมาเลเซียด้วย

แต่ขณะนี้ที่ยังเป็นอุปสรรค เพราะการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่สวนยางพาราได้โค่นสงเคราะห์ปลูกทดแทนปีละ 400,000 ไร่ แต่ปัจจุบันโค่นสงเคราะห์ปลูกทดแทนเหลือ 200,000 ไร่ จากที่ไม่มีงบประมาณในการนำเงินไปสงเคราะห์ จึงได้ส่งผลต่อกระทบต่อชาวสวนยางพาราและอุตสาหกรรมไม้ยางพาราไทย ทำให้กำลังการผลิตทั้งระบบต้องชะลอตัวไปมาก ขาดรายได้ไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งปกติไม้ยางพาราที่ผลิตได้ประมาณ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร / ปี ทั้งใช้ในประเทศและส่งออกต่างประเทศ

ในส่วนอุปสรรคสำคัญคือตัวเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน โดยที่จะอยู่ได้ต้อง 38 บาท / เหรียญสหรัฐ แต่ถ้า 34 เหรียญสหรัฐ จะขาดทุนทันที่ 3-4 บาท / ลูกบาศก์เมตรจากที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น เพราะการทำไม้ในป่า ภูเขา ฯลฯ ที่ใช้เทคโนโลยีไม่ได้ และที่หนักที่สุดคืออัตราไฟฟ้าที่สูงมากส่วนทางด้านการตลาดไม้ยางพารา ขณะนี้ราคาไม่ดี ไม้เกรดจาก 1.70 – 1.80 บาท / กก. มาเคลื่อนไหวมาอยู่ที่ 1.50-1.60 บาท / กก. ส่วนกลุ่มเศษไม้ เช่น ไม้ปีก ยอดไม้ กิ่งไม้ สะดือไม้ ราคา 00.80 บาท / กก.

Advertisement
The Xpozir

ดร.อุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ได้ทำการผลักดันยางพารา โดย 8 พรรคการเมืองได้ตอบรับเป็นนโยบาย และเมื่อได้ตั้งรัฐบาลจะนำไปจัดงบประมาณดำเนินการ

ทั้งนี้เพื่อเพิ่มมูลค่ายางพารา เช่น ผลิตคาร์บอนเครดิตขาย โดยมีสวนยางพาราประมาณ 30 ล้านไร่ทั่วประเทศ ซึ่งทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอสซีจี. จะเข้ามาดำเนินการ และกับการยกเลิกยางพาราในป่าสงวน ป่าชุมชน และวนอุทยาน ตาม พรบ.ถูกตามกฎหมาย โดยให้เช่าพื้นที่ทำกินอยู่กับสวนยางพารา ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5 ล้านไร่ ซึ่งขณะนี้ไทยมีสวนยางพาราประมาณ 30 ล้านไร่

“เมื่อมีการยกเลิกยางพาราในป่าสงวน ป่าชุมชน และวนอุทยาน ตาม พรบ. จะส่งผลต่อ SFC ไม้ยางพาราไทย ก็จะได้ออกสู่ตลาดโลกได้ทั้งหมด” ดร.อุทัย กล่าว


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard