Advertisement
Leaderboard 728x90

PTG

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2565 มีรายได้รวม 179,422 ล้านบาท เติบโต 34.1% จากปีก่อน จากธุรกิจ Oil ที่มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง 5,316 ล้านลิตร เติบโต 5.9% จากปีก่อน นับเป็นปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ กางแผนดำเนินธุรกิจปี พ.ศ.2566 รับการเติบโตทุกมิติ อัดงบลงทุน 5,000-6,000 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจต่อเนื่อง วางเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 8-12%

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTGเปิดเผยผลการดำเนินงานปีพ.ศ.2565 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 179,422 ล้านบาท เติบโต 34.1% จากปีก่อน จากธุรกิจ Oil ที่มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง 5,316 ล้านลิตร เติบโต 5.9% จากปีก่อน นับเป็นปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และราคาค้าปลีกเฉลี่ยต่อลิตรเพิ่มขึ้น 25.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร

Advertisement
Kreamy Proof

ขณะที่ ภาพรวมรายได้จากธุรกิจ Non-Oil ยังคงเติบโตต่อเนื่อง มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,478 ล้านบาท เติบโต 68.5% จากปี 2564 จากธุรกิจก๊าซ LPG มีปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังคงสร้างสถิติปริมาณการจำหน่ายที่สูงสุดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยสิ้นปี 2565 มีปริมาณการจำหน่าย 497 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 62.4% จากปี 2564 และราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 11.48 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 17.9% จากปีก่อน รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย ที่มีรายได้จำนวน 805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.3% จากปีก่อน

ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 12,008 ล้านบาท เติบโต 18.5% จากปีก่อน โดยสัดส่วนหลักมาจากธุรกิจ Oil ที่เติบโต 13.1% จากปีก่อน เป็น 9,786 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น การปรับราคาค้าปลีกให้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงส่งผลให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil นั้น เติบโตเช่นเดียวกัน เพิ่มขึ้น 50.1% จากปี 2564 เป็น 2,222 ล้านบาท จากการขยายธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามในปี 2565 บริษัทฯบริษัทฯ มี EBITDA เท่ากับ 5,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากปีก่อน ในขณะที่ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของสถานีบริการและสาขาของธุรกิจ Non-Oil อีกทั้ง บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันปาล์มดิบ รวมทั้งการปรับลดสัดส่วนไบโอดีเซล (B100) จาก B7 เป็น B5 ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-ตุลาคม 2565 และปรับเป็น B7 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 จนถึงมีนาคม 2566 เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพที่สูงจากวิกฤตราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก จึงส่งผลให้ยังคงรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากกิจการร่วมค้า ทำให้กำไรสุทธิในปี 2565 เท่ากับ 953 ล้านบาท ลดลง 6.3% จากปีก่อน

สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2566 บริษัทฯ วางเป้า EBITDA โต 8-12% จากปีก่อน และวางเป้าปริมาณ

Advertisement
The Xpozir

การจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 8-12% จากปีก่อน จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับจีนได้สิ้นสุดมาตรการ Zero COVID-19 ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 จึงมองว่าเป็นเรื่องดีต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทย และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยบริษัทได้กำหนดงบลงทุน 5,000-6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ โดยยังคงวางแผนขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปี 2566 คาดว่าจะมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็น 2,206 สถานีบริการ โดยเน้นการขยายตามพื้นที่เส้นทางหลัก และเน้นการปรับปรุงสถานีบริการเพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard