รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เผยช่วง 10 เดือนปี 65 ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย 480 ราย เพิ่ม 8% นำเงินเข้า 106,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% จ้างงานคนไทย 4,635 คน เพิ่มขึ้น8%
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ช่วง 10 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-ต.ค.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 480 ราย เพิ่มขึ้น 8% โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 181 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 299 ราย มีเม็ดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 106,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% จ้างงานคนไทย 4,635 คน เพิ่มขึ้น 8% โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 125 ราย สัดส่วน 26% เงินลงทุน 37,738 ล้านบาท สิงคโปร์ 75 ราย สัดส่วน 16% เงินลงทุน 11,693 ล้านบาท สหรัฐฯ 64 ราย สัดส่วน 13% เงินลงทุน 3,327 ล้านบาท ฮ่องกง 35 ราย สัดส่วน 7% เงินลงทุน 8,375 ล้านบาท และจีน 22 ราย สัดส่วน 5% เงินลงทุน 20,841 ล้านบาท
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนต.ค.2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 44 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 17 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 27 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 7,059 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 594 คน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์
สำหรับธุรกิจที่ได้รับอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในช่วง 10 เดือน ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น บริการออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง และตรวจสอบระบบกักเก็บพลังงาน สำหรับโครงการโรงผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานสำหรับสนามบินอู่ตะเภา , บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย , บริการขุดลอก ถมทะเลและก่อสร้างม่านดักตะกอนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด , บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Electric Vehicle Charging Station) สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า , บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษา เชิงเทคนิคแบบครบวงจรในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การช่วยเหลือด้านการออกแบบ การพัฒนา และทดสอบระบบ เป็นต้น , บริการวิจัย พัฒนา และวิศวกรรมด้านไบโอรีไฟเนอรีในระดับขยายขนาดสำหรับกระบวนการทางชีวภาพ และบริการพัฒนาและให้บริการซอฟต์แวร์ด้านวิเคราะห์และเชื่อมโยงเพื่อบริหารจัดการข้อมูล Big Data, Data Analytics
ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วง 10 เดือนของปี พ.ศ.2565 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 94 ราย คิดเป็น 20% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีการลงทุนในพื้นที่ EEC มูลค่า 44,948 ล้านบาท คิดเป็น 42% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 40 ราย ลงทุน 24,326 ล้านบาท สิงคโปร์ 8 ราย ลงทุน 2,006 ล้านบาท และสหรัฐฯ 7 ราย ลงทุน 1,075 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน เช่น 1.บริการวิจัย พัฒนา และวิศวกรรมด้านไบโอรีไฟเนอรีในระดับขยายขนาดสำหรับกระบวนการทางชีวภาพ 2.บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการควบคุมการผลิตในโรงงาน และระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และ 3.บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน การอัพเกรดซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เป็นต้น
“คาดว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือ (พ.ย.-ธ.ค.2565) จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยผ่อนคลายให้มีการเปิดประเทศ และเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น”นายสินิตย์กล่าว