Advertisement
Leaderboard 728x90

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรีและผู้นำอันดับ 1 ในตลาดคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ต่อยอดความสำเร็จครั้งใหม่ เปิดโฉม “มอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา” บ้านเดี่ยวระดับ Luxury Wellness Residence จำนวน 49 หลัง มูลค่าโครงการกว่า 2,100 ล้านบาท บนทำเลฮอตให้ชมครั้งแรก ในราคาเริ่ม 38-80 ล้านบาทซึ่งขณะนี้ได้รับกระแสตอบรับดีจากกลุ่มลุกค้าสามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 50% โดยเป็นกลู่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง 70% และกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว 30%

เพชรลดา พูลวรลักษณ์

เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความสำเร็จของแบรนด์มอลตัน (Malton) แบรนด์บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซูรีที่ปิดการขายได้แม้เผชิญ COVID-19 บริษัทได้ต่อยอดสู่การพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวหรูแห่งใหม่บนทำเลทองของปี พ.ศ.2565 ภายใต้ชื่อ“มอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา” (Malton Gates Krungthep Kreetha) จำนวน 49 หลัง มูลค่าโครงการกว่า 2,100 ล้านบาท ให้เป็น Luxury Wellness Residenceและเปิดให้ผู้สนใจได้เข้าชมบ้านตัวอย่างจริงเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 19-20 พฤศจิกายน พ.ศ.2565ที่ผ่านมา หลังจากได้รับกระแสตอบรับอย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดให้ชม จนและในขณะนี้มียอดขายแล้วมากกว่า 50% โดยเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง 70% และกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว 30%

Advertisement
Kreamy Proof

รูปแบบของโครงการ

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์

สำหรับรูปแบบของโครงการฯจะเน้นKey Success การคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อส่งมอบคุณค่าเหนือระดับให้กับผู้ถือครอง โยบริษัทฯยังคงคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับ 4P คือ Prime, Pride, Privacy, และ Perfection ทำให้ทุกรายละเอียดของโครงการตั้งแต่ความโดดเด่นของทำเล ความสะดวกในการเดินทาง ความสามารถในการรองรับไลฟ์สไตล์ที่ทำให้บ้านพร้อมรองรับการเติบโตของผู้อยู่อาศัย (Lifescape design) คุณภาพวัสดุ และกระบวนการก่อสร้างที่ลูกค้าให้ความมั่นใจตามมาตรฐานของบริษัทฯซึ่งโครงการมอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา จึงเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่สะท้อนนิยามใหม่ของความลักซูรี ส่งมอบคุณค่าเหนือระดับด้วยสังคมและสภาพแวดล้อมที่ดี มีความปลอดภัยสูงสุด พร้อมนำเทคโนโลยีช่วยยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดี สร้าง Well-Living ให้กับผู้อยู่อาศัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าลักซูรียุคปัจจุบันให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เราจึงเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็น Luxury Wellness Residence ที่โดดเด่นเหนือกาลเวลา สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือครองได้ในระยะยาว เหมาะทั้งการอยู่อาศัยเองและการลงทุน

แนวคิด “The Gates to Well-Living”

The Gates to Well-Living 

ในส่วนแนวคิดการออกแบบจะใช้คอนเซ็ปต์ “The Gates to Well-Living” เปิดประตูสู่ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี 6 มิติ ประกอบด้วย 1.The Gates to Well Design สง่างามเหนือกาลเวลา รองรับการใช้ชีวิตของคนทุกวัย 2.The Gates to Well Community มอบความเป็นส่วนตัว ท่ามกลางสังคมคุณภาพ 3.The Gates to Well Rest คัดสรรโซลูชันเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี อาทิ Solar Attic ระบบบ้านเย็นระบายความร้อนความชื้นใต้หลังคา ระบบบ้านปลอดฝุ่นและฟอกอากาศป้องกัน PM2.5 4.The Gates to Well Service มั่นใจในคุณภาพความปลอดภัยกับ Hygienic Concierge Service 5.The Gates to Well Essence ผนึกปัญญ์ปุริ (PAÑPURI) รังสรรค์ “PANPURI Private Edition” กลิ่นหอมเฉพาะตัวเพิ่มความผ่อนคลาย แฝงกลิ่นอายความเป็นผู้ดีอังกฤษ 6.The Gates to Well Health มอบชุดตรวจสุขภาพทางไกล TytoCare ทุกหลัง และแอปพลิเคชันติดตามสุขภาพ EngageCare โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลสมิติเวช

Advertisement
The Xpozir

แรงบันดาลใจในการก่อสร้างโครงการจาก “มอลตัน” เมืองเก่าแก่ในประเทศอังกฤษ

มอลตัน

นอกจากนี้ โครงการมอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา ยังได้แรงบันดาลใจจาก “มอลตัน” เมืองเก่าแก่ในประเทศอังกฤษ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองน่าอยู่ มีชีวิตชีวา และอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากเต็มไปด้วยสวนสีเขียว พื้นที่สาธารณะ และใกล้กับแม่น้ำสายสำคัญ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จึงนำนิยามเหล่านี้มาถ่ายทอดใหม่จนเกิดเป็นโครงการ Luxury Wellness Residence  บ้านเดี่ยว 3 ชั้น สไตล์โมเดิร์นที่แฝงกลิ่นอายความเป็นอังกฤษ ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ Classical Redefine สะท้อนความประณีต สง่างามเหนือกาลเวลา ผ่านอาคารทรงสี่เหลี่ยมแบบย่อมุม และหน้าต่างสูงยาวกรอบสีดำ พร้อมบรรยากาศร่มรื่นจากสวนสีเขียวขนาดใหญ่ 1,100 ตารางเมตร บนทำเลแห่งอนาคต รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งสถานศึกษา โรงพยาบาล และแหล่งไลฟ์สไตล์

โครงการมอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา

โครงการมอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา มีขนาด 21 ไร่ จำนวนยูนิตจำกัดเพียง 49 ยูนิต มีแบบบ้านเดี่ยวให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ 1.SMITHSON ขนาด 71-90 ตารางวา ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำรับแขก ห้องแม่บ้าน และ 3 ช่องจอดรถ 2.MIDDLETON ขนาด 90-108 ตารางวา มาพร้อม 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำรับแขก ห้องแม่บ้าน ลิฟท์ส่วนตัว และ 4 ช่องจอดรถ 3.LIVINGSTON ขนาด 102-137 ตารางวา ประกอบด้วย 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำรับแขก 2 ห้องแม่บ้าน ลิฟท์ส่วนตัว และ 5 ช่องจอดรถ พร้อมส่วนกลางครบครัน เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดด้วยประตูทางเข้า Double Gate Security และ Clubhouse ให้เลือกใช้ 2 พื้นที่ รองรับทั้งการทำงาน การพักผ่อน ออกกำลังกาย และการพบปะสังสรรค์ ในราคาเริ่มต้น 38-80 ล้านบาท

รายได้ของบริษัทในปี พ.ศ.2565 และคาดการณ์รายได้ปี พ.ศ.2566

รายได้ของบริษัทในปี พ.ศ.2565 และคาดการณ์รายได้ปี พ.ศ.2566

สำหรับรายได้ของบริษัทฯในขณะนี้ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านจุดวิกฤตที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ของทุกๆผู้ประกอบการต้องเผชิญแล้ว ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ COVID-19 และปัญหาสงคราม คิดว่าในปี พ.ศ.2566 หากเร่งทำการตลาดเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังทรัพย์ในช่วงอายุ 35-45 ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความต้องการสร้างครอบครัวและมองหาบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซูรีที่ครบครันด้วยสาธารณูปโภคโครงการของบริษัทฯจะเป็นหนึ่งในใจของลูกค้าดังกล่าวอย่างแน่นอนและจะช่วยสร้างยอดขายและรายรับเข้าสู่บริษัทฯได้ดีกว่าในปี พ.ศ.2565 อย่างแน่นอน

ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซูรีขึ้นไปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

อลิวัสสา พัฒนถาบุตร

อลิวัสสา พัฒนถาบุตร ประธานบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด(CBRE)บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซูรีขึ้นไปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาด โดยปี พ.ศ.2560-2564 มีค่าเฉลี่ยการเปิดตัวโครงการบ้านในแต่ละปี อยู่ที่ 318 หลัง แต่พบว่าในปี พ.ศ.2565 มีอัตราการเปิดตัวมากถึง 883 หลัง หรือคิดเป็น 2.8 เท่า ของค่าเฉลี่ยการเปิดตัวโครงการบ้าน 5 ปีย้อนหลัง โดยทำเลที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสูงที่สุดสำหรับตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซูรีขึ้นไป คือ กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ซึ่งมีซัพพลายจำนวน 1,449 หลัง หรือคิดเป็น 39% ของทำเลทั้งหมด และมียอดขายแล้วกว่า 71%  โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลกรุงเทพกรีฑา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีซัพพลายทั้งสิ้น 492 หลัง และมียอดขาย 71% สะท้อนความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของลูกค้ากลุ่มบ้านหรูได้เป็นอย่างดี  โดยจากการสำรวจของซีบีอาร์อีพบว่า หลังโควิด-19 ตลาดบ้านระดับบนมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในเรื่องพื้นที่ใช้สอยที่ต้องการพื้นที่เพิ่มมากขึ้น มีความเป็นส่วนตัว  คำนึงถึงเรื่องสุขภาพ การทำงานจากบ้าน และการก่อสร้างบ้านเองมากขึ้นในช่วง COVID-19 ระบาดก็ทำได้ลำบากมากขึ้นส่งผลให้ลูกค้าในตลาดกลุ่มนี้มองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์ด้านคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้นตามไปด้วย


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard