บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด แถลงวิสัยทัศน์และทิศทางในการดำเนินธุรกิจ ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าก่อสร้างเพื่อความสุขที่ยั่งยืน เป็นแบรนด์ไทยที่เข้าใจความต้องการของลูกค้า ควบคู่กับมุมมองในการเลือกใช้วัตถุดิบและกระบวนการรักษ์โลกตลอดทั้ง Value Chain โดยทุกกลุ่มสินค้าของจระเข้เป็นสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานระดับประเทศและระดับสากล แย้มแผนขยายตลาดทั้งใน-ต่างประเทศ คาดปีนี้ยอดขายเติบโต 20% เกิน 3,000 ล้าน
นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าก่อสร้าง เพื่อคุณภาพชีวิตและสร้างความสุขที่ยั่งยืน บนพื้นฐานของการให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม สำหรับก้าวต่อไปของจระเข้และทิศทางการดำเนินธุรกิจในอีก 5 ปีข้างหน้า สู่เป้าหมายยอดขาย 5,000 ล้านบาท โดยปีที่ผ่านมา มียอดขายประมาณ 2,800 ล้านบาท ปี พ.ศ.2565 คาดว่ายอดขายเติบโต 20% เกิน 3,000 ล้านบาทพร้อมเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวปูกระเบื้อง และไม่หยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมเคมีก่อสร้าง ที่ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมซ่อมแซม และตกแต่งแบบครบวงจร เพื่อบ้าน อาคาร ไปจนถึงงานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) SEE JORAKAY สีธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากสีทั่วไปโจทย์เทรนด์สุขภาพและการดูแลสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคลือบและปกป้องพื้นผิว (Coating) และ JORAKAY GREEN PRODUCTS ตอบโจทย์อาคารเขียว ปัจจุบันมีกลุ่มสินค้ากว่า 70% ของยอดขาย
สำหรับแผนการลงทุนใน 3-5 ปี จะมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งในด้านของการขยายสินค้ากลุ่มเคมีก่อสร้างให้ครอบคลุมมากขึ้น ใช้ Enterprise Resource Planning หรือ ERP พัฒนาระบบการจัดการตั้งแต่การผลิต จัดส่ง และเชื่อมต่อการชำระเงิน รองรับการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย สอดคล้องกับธุรกิจยุคใหม่ ผนวกกับ Customer Data / Digital Transformation เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น รวดเร็วขึ้น ในรูปแบบของ B2B2C เสริมด้วย Non Products เช่น บริการติดตั้ง โดยช่างฝีมือที่ได้รับการรับรองจากศูนย์ฝึกอบรม จระเข้ อะคาเดมี่ (JORAKAY ACADEMY TRAINING CENTER) เป็นการต่อยอดบริการให้คำปรึกษาและบริการเกี่ยวเนื่องกับการอยู่อาศัยอย่างครบวงจร
ด้านการขยายตลาดในต่างประเทศ จะมุ่งไปในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสการเติบโตสูง มีปริมาณการใช้เซรามิคมากกว่าไทยถึง 3 เท่า ขณะที่ไทยใช้เซรามิคเพียง 100 ล้านตารางเมตร
ในส่วนปี พ.ศ.2565 นี้ มีแผนเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้านวัตกรรมเพื่องานก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่งแบบครบวงจร งานโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการก่อสร้างระบบคมนาคมเพิ่มมากขึ้น เช่น งานซ่อมแซมท่าเรือ ระยอง สมุย กรมเจ้าท่า งานปูนที่ต้องใช้แรงอัดสูง โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง รวมไปถึงการต่อยอดนวัตกรรมใหม่มุ่งตอบโจทย์สุขภาวะที่ดีในการอยู่อาศัย เช่น ลดความเสี่ยงเชื้อโรค ลดสารประกอบอินทรีย์วัตถุระเหยง่าย (VOCs) เป็นต้น
โดยปัจจุบันสินค้าที่มียอดขายสูงสุดกว่า 80% ของยอดขายทั้งหมด ได้แก่ กลุ่มกาวซีเมนต์ เขียว แดง เงิน ทอง โดยเฉพาะกาวเขียวที่มียอดขายอันดับ 1 ในตลาดต่อเนื่อง กลุ่มกาวยาแนวพรีเมียม พลัส ป้องกันราดำ ที่มียอดขายอันดับ 1 ในตลาด ซึ่งจระเข้เป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมนี้รายแรกในตลาดกาวยาแนว และกลุ่มผลิตภัณฑ์กันซึม รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมซีเมนต์กันซึมส่วนผสมเดียวรายแรกที่ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มช่างและเจ้าของบ้านมาเป็นเวลานาน และปัจจุบันช่องทางในการจัดจำหน่าย แบ่งเป็นออฟไลน์ 95% ส่วนออนไลน์อยู่ที่ 5% และมีจำนวนผู้แทนจำหน่ายรวมกว่า 3,000 รายทั่วประเทศซึ่งจะขยายเพิ่มขึ้น
ด้านของการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้กำหนด 5 กลยุทธ์สำคัญด้านความยั่งยืนครอบคลุมทุกห่วงโซ่ ได้แก่ 1. ลดการปล่อย CO2 ในกระบวนการต่างๆ2. ลดปริมาณขยะและของเสียเน้นใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 3. ลดองค์ประกอบหรือกระบวนการที่ก่อให้เกิดสารพิษ 4. เพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 5. สนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ด้านการศึกษา สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม
“ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ 30 ปีที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นของจระเข้เราอยู่ในวงการวัสดุก่อสร้าง ด้วยความตั้งใจที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แบรนด์จระเข้เป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า เราทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นจากกลุ่มนวัตกรรมการปูกระเบื้องที่เราเป็นผู้นำมาอย่างยาวนานทั้งภายใต้แบรนด์จระเข้และแบรนด์น้องอย่างชาละวัน ซึ่งความแข็งแรงของแบรนด์หลักมีพลังต่อยอดไปถึงแบรนด์ SEE JORAKAY และอื่นๆ ต่อไปได้ในอนาคต ภายใต้นโยบายและวิสัยทัศน์เดียวกันในการคิดค้นและนำเสนอนวัตกรรมสินค้าก่อสร้างและบริการมาตรฐานสากล เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และร่วมสร้างความสุขที่ยั่งยืนของสังคม ซึ่งรวมถึงการจับมือพันธมิตร เช่น การสนับสนุนกีฬาแบดมินตันสานฝันเยาวชน JORAKAY JUNIOR BADMINTON ที่เราให้การสนับสนุนมายาวนาน เพื่อส่งเสริมสุขภาพและเปิดโอกาสให้เยาวชนก้าวสู่เวทีการแข่งขันมืออาชีพต่อไป เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ” นายศุภพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี สำหรับเทรนด์ของธุรกิจวัสดุก่อสร้างในอนาคตยังคงมีอัตราการเติบโตสูง หลังการระบาดของโรค COVID-19 โครงการที่อยู่อาศัยจากตัวเมืองขยายสู่รอบนอก ตามพฤติกรรมของคนที่ปรับเปลี่ยนการทำงานเป็นไฮบริด หรือทำงานผ่านออนไลน์มากขึ้น เป็นรูปแบบของการ Work from Everywhere ซึ่งทำให้ความสำคัญของพื้นที่อาคารสำนักงานในตัวเมืองอาจลดลง เกิดเป็นแนวโน้มย้ายที่อยู่อาศัยไปนอกเมืองมากขึ้นกว่าเดิม บ้านยุคใหม่รองรับกิจกรรมที่หลากหลายขึ้น เป็น Smart home มากขึ้น Infrastructure เกี่ยวกับการคมนาคมก็ขยายตาม และที่สำคัญคือเทรนด์การก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม