สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดแผนเตรียมเพิ่มสลากดิจิทัลเข้าสู่ในนแอปพิเคชันเป๋าตัง จนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ.2566 ให้ถึง 30 ล้านใบ
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า จากผลการจำหน่ายสลากดิจิทัลในงวดที่ผ่านมา งวดวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.25666 นั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 17 ล้านใบ ใช้เวลาจำหน่ายหมด 10 วัน มีผู้ซื้อ 1.8 ล้านคน ถือว่าเป็นกระแสตอบรับที่ดี แต่มองว่ายังขายหมดเร็วเกินไป ดังนั้นในปี พ.ศ.2566 สำนักงานสลาก ตั้งเป้าหมายว่า ภายในเดือนธันวาคม พ.ศ.2566 จะมีการเพิ่มสลากดิจิทัล เป็น 30 ล้านใบ โดยจะค่อยๆทยอยขึ้นเป็นที่ละงวดตามความเหมาะสม
โดยที่ผ่านมา สำนักงานสลากฯ ได้เร่งดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการจำหน่ายสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2565 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน (งวด 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566) เป็นงวดที่ 16 มีสลากดิจิทัลประมาณ 17 ล้านฉบับ ซึ่ง สลากทุกใบเป็นของตัวแทนรายย่อยมากกว่า 30,000 ราย และทุกใบราคา 80 บาทการดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน มีการขออนุญาตประกอบธุรกิจตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 และการจำหน่ายสลากผ่านแอปพิเคชัน “เป๋าตัง” ได้มีการลงทะเบียนผู้ซื้อเพื่อป้องกันผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่ให้ซื้อสลาก ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ในปีนี้สำนักงานสลากฯ ตั้งเป้าจะเพิ่มสลากเข้าในระบบจำหน่ายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ไม่น้อยกว่า 30 ล้านฉบับ และจะเพิ่มจำนวนจุดจำหน่ายสลาก 80 บาท ให้มากขึ้นจากที่มีอยู่กว่าหนึ่งพันจุดเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสลาก 80 บาทได้มากที่สุด
ทั้งนี้ความนิยมในการซื้อสลากผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” สะท้อนพฤติกรรมในการซื้อสลากของผู้ซื้อในปัจจุบัน ประกอบกับคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล มีนโยบาย เพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลในแอปฯ “เป๋าตัง” ให้มากขึ้น เนื่องจากสามารถควบคุมราคาจำหน่ายไม่ให้เกิน 80 บาท อีกทั้งสามารถตรวจสอบอายุของผู้ซื้อ ทำให้ป้องกันการขายสลากให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี มีการยืนยันสิทธิ์ความเป็นเจ้าของสลาก และการเลือกรับเงินรางวัลที่สะดวก ปลอดภัย ด้วยการโอนไปบัญชีของทุกธนาคารภายใน 2 ชั่วโมง
สำหรับสลากที่จะนำมาจำหน่ายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” นั้น สำนักงานสลากฯ จะนำมาจากสลาก L6 ซึ่งต้องรอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ดังนั้น ในขณะนี้สลากส่วนหนึ่งจะมาจากสลากที่ถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากทำผิดหลักเกณฑ์ในการรับสลากไปจำหน่ายของสำนักงานฯ และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากความสมัครใจของตัวแทนจำหน่าย ซึ่งล่าสุดจากการที่สำนักงานสลากฯ ออกประกาศแจ้งการทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ให้ได้รับสลากรายละ 3 เล่มนั้น จะได้ดำเนินการจัดสรรสลากในแนวทางเดียวกันให้กับตัวแทนจำหน่ายที่ประสงค์จะรับสลากแบบใบไปจำหน่ายด้วยเช่นกัน
โดยหลักการในเบื้องต้น ถ้าตัวแทนจำหน่ายเลือกที่จะสมัครใจนำสลากมาเข้ามาขายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” จะได้รับสลากรายละ 5 เล่ม ทั้งนี้ เพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายเกิดการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมการซื้อขายสลาก ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อผ่านระบบการจำหน่ายในปัจจุบัน ทั้งนี้ คณะกรรมการสลากฯ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารจัดการสลาก ฯ รับไปพิจารณา ในส่วนของกรอบแนวทางปฏิบัติและระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ในส่วนของการดำเนินการกับแพลตฟอร์มเอกชนต่างๆ ที่นำสลากไปจำหน่ายต่อในราคาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นั้น พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มกราคม 2565 ถึงงวดวันที่ 16 ธันวาคม 2565 ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้ว 22 แพลตฟอร์ม ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบออกจากระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 12 แพลตฟอร์ม อยู่ระหว่างสืบพยานผู้คัดค้าน 1 แพลตฟอร์ม (กองสลากพลัส) และมีคำสั่งยกคำร้อง 2 แพลตฟอร์ม (มังกรฟ้าและหงส์ทอง.com) ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน
สำหรับการดำเนินการ หลังจาก กองบังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมทำการตรวจค้น บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด (กองสลากพลัส) เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2566 ซึ่งพบสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2566 ในระบบจำนวน 10,227,715 ฉบับ นั้น สำนักงานสลากฯ จะเร่งดำเนินการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการยกเลิกสัญญา หรือสิทธิการเป็นผู้ซื้อจอง-ล่วงหน้าฯ ต่อไป เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามสัญญาและหลักเกณฑ์ในการรับสลากไปจำหน่าย ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องขายสลากด้วยตนเอง และไม่ขายสลากเกินราคาที่กำหนดไว้ในสลาก รวมถึงไม่นำสลากของตนไปขายให้แก่ผู้อื่นเพื่อนำไปรวมชุด หรือแลกเปลี่ยนสลากกับผู้อื่น หากทำผิดสัญญาสำนักงานสลากฯ มีสิทธิบอกเลิกสัญญา หรือยกเลิกสิทธิการเป็นผู้ลงทะเบียนซื้อ-จองล่วงหน้าได้ทันที รวมถึงสลากในส่วนของสมาคม/องค์กร สำนักงานสลากฯ จะยกเลิกสิทธิในการรับสลากไปจำหน่ายของสมาชิกในสมาคม/องค์กรนั้นๆ ทันทีเช่นกัน ทั้งนี้ การตัดสิทธิเป็นผลที่จะต้องดำเนินการเมื่อพบความผิดตามมา เพราะหากไม่ดำเนินการจะถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้