Advertisement
Leaderboard 728x90

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)กล่าวว่า การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2565 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 5,858 ราย ซึ่งเมื่อเทียบกับกรกฎาคม พ.ศ.2564 พบว่าเพิ่มขึ้น 3% 2565 แต่เมื่อเทียบกับมิถุนายน พ.ศ.2565 ลดลง 12% และโดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 29,111.36 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่กลับมาติดอันดับ 3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ

ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,543 ราย เมื่อเทียบกับมิ.ย.2565 เพิ่มขึ้น 5% เทียบกับกรกฎาคม พ.ศ.2564 เพิ่มขึ้น 35% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกจำนวน 7,148.05 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ในส่วนของยอดรวมการจดทะเบียนตั้งใหม่ 7 เดือนปี 2565 (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวน 46,159 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 309,716.15 ล้านบาท และยอดเลิกกิจการ รวม 7,552 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน จำนวน 65,660 ล้านบาท

Advertisement
Kreamy Proof

สำหรับแนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์COVID-19 ที่คลี่คลายทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้มากขึ้น มีการเปิดให้บริการสถานบันเทิงทั่วประเทศในช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2565 การปรับลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สถานการณ์การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังคงมีแนวโน้มขยายตัว ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคลย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า จำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่จะมีแนวโน้มลงลงในช่วงปลายปี ทำให้กรมฯ คาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ตลอดทั้งปีพ.ศ. 2565 อยู่ที่ประมาณ 68,000-72,000 ราย ลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ประเมินไว้ที่ 70,000–75,000 ราย

การจดทะเบียนธุรกิจ

ปัจจุบัน มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ก.ค.2565) จำนวน 846,797 ราย มูลค่าทุน 20.32 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 203,402 ราย คิดเป็น 24.02% บริษัทจำกัด จำนวน 642,036 ราย คิดเป็น 75.82% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,359 ราย  คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ

ในส่วนธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 501,851 ราย คิดเป็น 59.26% รวมมูลค่าทุน 0.44 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.17% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 252,524 ราย คิดเป็น 29.82% รวมมูลค่าทุน 0.85 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.20% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 75,424 ราย คิดเป็น 8.91% รวมมูลค่าทุน 2.07 ล้านล้านบาทคิดเป็น 10.17% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 16,998 ราย คิดเป็น 2.01% รวมมูลค่าทุน 16.96 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.46% ตามลำดับ

Advertisement
The Xpozir

ส่วนการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 39 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 16 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 23 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 3,675 ล้านบาท เป็นผลให้ในปี พ.ศ.2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น จำนวน 323 ราย เพิ่มขึ้น 16% เงินลงทุน 73,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (มกราคม-กรกฎาคม พ.ศ.2564)

สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด 3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 11 ราย เงินลงทุน 2,734 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 7 ราย เงินลงทุน 91 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา จำนวน 5 ราย เงินลงทุน 330 ล้านบาท ตามลำดับ


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard