Advertisement
Leaderboard 728x90

c” ประกาศเดินหน้าเขย่าโครงสร้างการขายครั้งใหญ่ รุกขยายช่องทางร้านค้าปลีก เทรดดิชั่นนอลเทรดและร้านค้าท้องถิ่น จับมือตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น 14 รายในไทยเป็นพันธมิตร เสริมแกร่งยอดขายในประเทศ เดินหน้าสร้างการเติบโตแบบแข็งแกร่งและมีคุณภาพยั่งยืนพร้อมมุ่งนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างยอดขายและกำไร เน้นหัวใจหลักในการต่อยอดและขยายพอร์ตโฟลิโอของเถ้าแก่น้อย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ใหม่ กว้าง มีคุณค่า” เตรียมสานต่อกลยุทธ์ “GO Broad” ต่อยอดขยายฐานธุรกิจ พัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ มุ่งขยายตลาดในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ

อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและทำตลาดสาหร่าย “เถ้าแก่น้อย” กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยได้ร่วมมือกับ Local Distributor จำนวน 14 ราย ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดปัจจุบันการปรับกลยุทธ์ครั้งนี้ เป็นการกระจายสินค้าของเถ้าแก่น้อยในเชิงลึกมากขึ้น ผ่าน Local Distributor Partner (ผู้แทนจำหน่ายในท้องถิ่น) ช่วยขยายช่องทางจำหน่ายหลากหลายกลุ่ม ทั้งร้านค้าแบบดั้งเดิมหรือ Traditional Trade (TT) เช่น ร้านโชห่วย ช่องทางร้านค้าท้องถิ่น Local Modern Trade (MT) เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น, ร้านสะดวกซื้อท้องถิ่น และช่องทาง Open Trade (OT) ซึ่งคล้ายกับร้านโชห่วย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ

Advertisement
อ่าวขนอม ซีฟู้ด

ทั้งนี้ บริษัทฯ มองการเติบโตภายหลังร่วมเป็นพาทเนอร์ทางธุรกิจ คือการร่วมกันสร้างการเติบโตแบบแข็งแกร่งและมีคุณภาพ สิ่งสำคัญคือ ทั้ง TKN และพาทเนอร์ต้องเติบโตแบบยั่งยืน พร้อมนำเสนอนวัตกรรม (Innovations) ใหม่ๆ เพื่อสร้างยอดขายและกำไรควบคู่กัน รวมถึงต้องมีความสุข นับเป็นโจทย์ที่เราต้องทำร่วมกันกับพาร์ทเนอร์

“เราไม่สามารถเติบโตคนเดียวได้ ต้องมีพาร์ทเนอร์ในประเทศที่แข็งแกร่งและเก่งด้วย เราจึงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการตลาดครั้งใหญ่ จับมือกับ Local Distributor ทั้ง 14 เจ้าในไทย ร่วมกันสร้างการเติบโต โดยเรามองทุกคนเป็นพาทเนอร์มากกว่า Distributor ถือว่าทุกคนเป็นหนึ่งในครอบครัวของเถ้าแก่น้อย ทุกคนนำผลิตภัณฑ์ของเราไปขายต้องขายได้ ขายดี และพร้อมให้การสนับสนุนพาร์ทเนอร์ พร้อมรับฟังและช่วยแก้ไขปัญหา เพื่อเติบโตไปพร้อมกัน”

“เถ้าแก่น้อย” มีจุดเริ่มต้นจากธุรกิจสาหร่าย และฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ จนสามารถทำยอดขายได้กว่า 5,000 ล้านบาท วิธีการบริหารงานคือต้องยอมรับความจริง รับฟังความจริง นำปัญหาเหล่านั้นมาแก้ไข และอดทนให้สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ยิ่งวิกฤติสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ยอดขายของบริษัทฯ ลดลง 20-30% สิ่งที่ทำได้คือต้องหางานให้ทุกคนทำพร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การดำเนินงาน “3 GO” และสามารถผ่านพ้นวิกฤติไปได้

เถ้าแก่น้อย

สำหรับ 3GO ประกอบด้วย “GO Firm” มุ่งปรับองค์กรให้กระชับ (Lean) คล่องตัวและรวดเร็วขึ้น เพื่อลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทปรับตัวได้เร็วและมีความยืดหยุ่นพร้อมรองรับแผนงานในอนาคตและหลังจากนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น “GO Broad” หรือการขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้น โดยไม่ได้จำกัดการผลิตและจำหน่ายสินค้าในรูปแบบเดียว แต่จะพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆสู่ตลาด รวมถึง Go Global ที่มุ่งเน้นขยายตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพ ผลักดันยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง

Advertisement
The Xpozir

บริษัทยังวางคอนเซ็ปต์ “ใหม่ กว้าง มีคุณค่า” เป็นหัวใจหลักในการต่อยอดและขยายพอร์ตโฟลิโอของเถ้าแก่น้อยมากขึ้น โดย “ใหม่” หมายถึง การมองเห็นโอกาสของธุรกิจสาหร่ายที่เป็น Seaweed Snacks ถือเป็นสิ่งใหม่ๆ ในขณะนั้น และต่อยอดให้เกิดการขยายธุรกิจ “กว้าง” โดยผลิตภัณฑ์สาหร่ายได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักและสามารถเจาะเข้าสู่ Niche Market ขยายทั้งในและต่างประเทศ

ปัจจุบันบริษัทขยายตลาดกว่า 40 ประเทศ  ในอนาคตจะเพิ่มเป็น 100 ประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งสร้าง “คุณค่า” (Value) ของผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้ง 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนที่ชอบทานของอร่อยที่มีคุ้มค่า แต่ไม่เน้นคุณค่าของอาหารมาก คือเน้น กินสนุกเป็นหลัก และ กลุ่มคนที่ชอบทานอาหารที่อร่อย มีประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหาร (Food Innovation) ในอนาคตเพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น

สำหรับภาพรวมการเติบโตของธุรกิจสาหร่ายในช่วงครึ่งปีหลังของปี พ.ศ.2565 ตลาดขนมสาหร่ายเติบโตดีมากอยู่ที่ เกือบ 20% ขณะที่เถ้าแก่น้อยเติบโตดีกว่าตลาด ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทลุยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และจัดกิจกรรมการตลาด อย่างหลากหลายในทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มทอด กลุ่มย่าง และกลุ่มอบ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยที่ผ่านมายังออกสินค้าในกลุ่ม สาหร่ายอบ ภายใต้คาแรคเตอร์ BT21 ของวง BTS ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ครองความผู้นำตลาดสาหร่ายทุกๆ กลุ่ม ทั้ง ทอด อบ และย่าง พร้อมดันพอร์ตสาหร่ายให้เติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี พ.ศ.2566 ด้วยการเข้าถึงผู้บริโภคให้หลากหลายและครอบคลุม

ปัจจุบัน มีส่วนแบ่งตลาดสาหร่ายอยู่ที่ 64% และ ในช่องทางร้านค้าทั่วไป เป็นหนึ่งในช่องทางที่มีโอกาสในการเติบโตของผลิตภัณฑ์สาหร่ายได้อีกมาก


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard