Advertisement
Leaderboard 728x90

ปตท. เผย 9 เดือนแรก ปี’66 กำไรสุทธิ 79,259 ล้านบาท

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เผยกำไร 9เดือนแรกปี 66 อยู่ที่ 7.92หมื่นล้านบาท โตขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยหลักมาขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น ชี้ไตรมาส4นี้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 85-90เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อย ในไตรมาส3/2566 บริษัทมีรายได้ 802,683ล้านบาท ลดลง9.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 884,610ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 31,297ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,875ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจการกลั่นมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มปตท.มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันในไตรมาส3/2566 นี้ประมาณ 20,000 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 25,000 ล้านบาทและมีกำไรขั้นต้นจากการกลั่นเพิ่มขึ้นจาก 6.80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส3/ 2565 เป็น 11.30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส3/2566 ในส่วนธุรกิจปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยหลักจากกลุ่มอะโรเมติกส์ที่มีส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น กลุ่มธุรกิจก๊าซฯมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น สำหรับกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีผลการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นทั้งจากราคาขายและปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น

Advertisement
Kreamy Proof

ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้ 2,337,438 ล้านบาท ลดลง9.1%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 2,570,029 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 79,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 72,510ล้านบาท โดยหลักขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวลดลงจากความกังวลด้านสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มผ่อนคลาย รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) ของกลุ่ม ปตท. ปรับลดลง โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น จากกำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2565 และผลกำไรสต๊อกน้ำมันที่ลดลง ประกอบกับผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ปรับลดลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง

ทั้งนี้ กำไรสุทธิของปตท.มาจากธุรกิจที่ปตท.ดำเนินการเอง 18% ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 48% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและบริษัทย่อยอื่นๆ 19% ธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก 10%ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น 5%

ทั้งนี้ ปตท. ขานรับนโยบายลดผลกระทบค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชน โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. วันที่ 19 ตุลาคม 2566 มีมติเห็นชอบให้ ปตท. เรียกเก็บค่าเชื้อเพลิงตามค่าควบคุม และยืดระยะเวลาการชำระหนี้ให้กลุ่มภาคไฟฟ้าในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2566 ตามมติ ครม. พร้อมให้ทยอยจ่ายคืนส่วนต่างในการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับรอบถัดไปตามที่ กกพ. เห็นชอบ มีผลย้อนหลังตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 โดยตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน ปตท. สนับสนุนงบประมาณบรรเทาผลกระทบต้นทุนด้านพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะวิกฤตต่าง ๆ ให้กับประชาชนแล้ว กว่า 25,000 ล้านบาท โดยเมื่อช่วงต้นปีนี้ ปตท. ยังได้มีการจัดสรรก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ตลอดจนจัดหา LNG ในราคาที่เหมาะสม ช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าเทียบเท่า 6,000 ล้านบาท รวมถึงช่วยเหลือผู้ใช้พลังงานในภาคส่วนอื่น ๆ ทั้ง LPG NGV และสนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อร่วมดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างสมดุล พร้อมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

Advertisement
The Xpozir

Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard