บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เผยกำไรงวดปี 2566 อยู่ที่ 11,094 ล้านบาท โตขึ้น 7% จากปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขายลดลง 20,561 ล้านบาท มาอยู่ที่ 769,224 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาดน้ำมันอันดับหนึ่งที่ 42.2% บอร์ดฯอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี2566 ที่อัตรา 0.27บาทต่อหุ้น
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ ORเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 11,094.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,370.40 ล้านบาท จาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 598 ล้านบาท แม้ว่ารายได้ขายและบริการรวม 769,224 ล้านบาท ลดลง 20,561 ล้านบาท หรือราว 2.6% โดยหลักเป็นผลมาจากราคาจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีระดับต่ำกว่าแม้ว่าบริษัทจะมีปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศในภูมิภาค รวมทั้งการกลับมาของภาคการท่องเที่ยวส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นมากในผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยาน
สำหรับกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรโดยรวมของกลุ่มธุรกิจ Mobility อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม กลุ่มธุรกิจ Global ปรับลดลงจากภาวะตลาด กลุ่มธุรกิจ Lifestyle มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้น 4.8% โดยหลักจากค่าใช้จ่ายที่ผันแปรตามปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าจ้างบุคคลภายนอก ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น รวมทั้งมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยและมีผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลง นอกจากนี้ยังมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาด จากปัจจัยหลักข้างต้นส่งผลให้ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิดีขึ้นเล็กน้อย
โดยปี 2566 OR มีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันอยู่ที่ 42.2% มีจำนวนสถานีบริการน้ำมันรวม 2,256 แห่ง เพิ่มขึ้น 95 แห่งเมื่อเทียบกับปีก่อน และมีสถานี EV Station PluZ 705 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 574 แห่ง โดยมีปริมาณการขายปลีกน้ำมันในปี 2566 อยู่ที่ 12,433 ล้านลิตร ลดลง 5.3% และธุรกิจตลาดพาณิชย์มีปริมาณการขายอยู่ที่ 15,209 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 10.9%
ส่วนร้านคาเฟ่อเมซอนในปี 2566 มีจำนวน 4,181 แห่ง เพิ่มขึ้น 286 แห่งจากปีก่อน ร้านเท็กซัส ชิกเก้นมี 100 แห่ง ลดลง 7 แห่ง
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติเห็นชอบให้เสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี2566ที่อัตรา 0.27บาทต่อหุ้นบริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2567และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 29เมษายน 2567อย่างไรก็ดีสิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนเนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567ในวันที่ 10เมษายน 2567
สำหรับในปี 2567 ORยังคงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแรงของธุรกิจหลัก (Core Business)เพื่อเป็นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคตในปีนี้มีแผนรุกธุรกิจ Health & Beautyเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามสร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันภายใต้ความร่วมมือที่สำคัญระหว่างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญทั้งในและต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านไลฟ์สไตล์อีกทั้งยังเตรียมเดินหน้าโครงการคาเฟ่อเมซอนปาร์คที่จ.ลำปางเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ value chainของคาเฟ่อเมซอนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและสร้างecosystemของคาเฟ่อเมซอนให้ยั่งยืนและจะถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ OR
ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวจากการบริโภคภาคเอกชนเป็นแหล่งสำคัญ จากประมาณการเศรษฐกิจของสภาพัฒน์คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.7-3.7% ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็ยังขยายตัวต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะอยู่ที่ 35 ล้านคนการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวตามอุปสงค์โลก อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทย ค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการบริโภคของภาคเอกชน ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลกและแนวโน้มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากเอลนีโญ