Advertisement
Leaderboard 728x90

นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมก้าไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเภสัชกรรมและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “Mega We Care”กล่าวว่า ธุรกิจสุขภาพยังคงมีแนวโน้มที่ดี แม้การระบาดของโรค COVID-19 จะลดลง แต่ผลสำรวจของสำนักวิจัยหลายแห่ง อาทิ กันตา และอื่น ๆ ระบุตรงกันว่า ดีมานด์สินค้าและบริการด้านสุขภาพไม่ลดลงเลย สอดคล้องกับสถานการณ์ในตลาดที่ทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ร้านที่เสิร์ฟเมนูแพลนต์เบส ต่างเพิ่มขึ้น แม้แต่ในประเทศที่บริโภคเนื้ออย่างเยอรมนี สัดส่วนผู้ทานแพลนต์เบสเพิ่มเป็น 5-6% แล้ว เพราะเชื่อว่าการดูแลสุขภาพจะกลายเป็นความเคยชินของผู้บริโภคในยุคหลังการระบาดของโรคโควิด และจำนวนหนึ่งอาจเริ่มรักษาตนเองเมื่อป่วยเล็กน้อย เช่น ไข้หวัด ด้วยการทานยา และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงอาจขยับไปใช้ สินค้าที่ผลิตจากธรรมชาติ และหากถ้าเทียบกับปี พ.ศ.2561-2562 จำนวนผู้ที่ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับผู้ที่ทานเป็นประจำ ส่วนกลุ่มที่หันมาทานเพราะกลัวโควิดอาจหายไปบางส่วน

โดยจากกระแสเหล่านี้ทำให้ช่วง 4 เดือนที่เหลือของปี 2565 นี้บริษัทจะเดินหน้าลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อขยายไลน์สินค้าให้หลากหลายยิ่งขึ้น ตามเป้าเพิ่มขนาดธุรกิจจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “เมก้า วีแคร์” เป็น 2 เท่าในปี พ.ศ.2568 ที่เคยประกาศไว้เมื่อปี พ.ศ.2562

Advertisement
Kreamy Proof

สำหรับการในช่วงปี พ.ศ.2565-2566 ได้เตรียมลงทุน 506 ล้านบาท แบ่งเป็นในไทยจะลงทุน 295 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังผลิตของโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู และลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม 46 ล้านบาท รวมถึงลงทุนในอินโดนีเซียอีก 165 ล้านบาท เพิ่มไลน์การบรรจุแคปซูล รวมถึงศึกษาโอกาสสร้างไลน์ผลิตยาโรคมะเร็งอีกด้วย นอกจากนี้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ สร้างแบรนด์และการรับรู้ให้สินค้าในพอร์ตโฟลิโอ เช่น กลุ่มโปรไบโอติก สินค้าที่มีทะเบียนยา ฯลฯ กับทั้งผู้บริโภคและร้านยา หลังช่วง 6 เดือนแรกเปิดตัวสินค้าใหม่ไปแล้ว 9 จาก 26 รายการ และครึ่งปีหลังจะเปิดตัวเพิ่มอีกประมาณ 20 รายการรวมถึงลงทุนสร้างอีโคซิสเต็ม เพื่อให้เป็นตัวผลักดันการเติบโตในอนาคต เช่น บริการให้คำปรึกษาสุขภาพ ผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งมีฟังก์ชัน เช่น  ให้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หญิงมีครรภ์ใช้เก็บข้อมูลอย่าง ยา ระดับน้ำตาล ฯลฯ เพื่อส่งให้แพทย์ประกอบการรักษา โดยกำลังทดลองในหลายประเทศเป็นต้น ในส่วนการพัฒนาธุรกิจให้สัมพันธ์กับกระแสนิยม เช่น สมุนไพร อาหารแพลนต์เบส รวมถึงไลน์สินค้าที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติล้วน เพื่อตอบรับกลุ่มวีแกน เป็นต้น

ด้านธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแมกซ์แคร์ (Maxxcare) นั้นจะมุ่งขยายการจัดจำหน่ายยา เนื่องจากมีสัดส่วนกำไรสูง อย่างไรก็ตาม ตลาดเมียนมาที่เป็นฐานใหญ่ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยในประเทศและการอ่อนค่าของเงินจ๊าต จึงวางเป้าการเติบโตไว้เพียง 5-10% บริษัทไม่ได้มองธุรกิจระดับไตรมาสแล้ว แต่มองระยะยาว 3-5 ปีข้างหน้า จึงต้องลงทุนและทำการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ที่ติดตลาด ให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น และบอกต่อไว้รองรับอนาคต

ส่วนรายได้ช่วง 6 เดือนแรกของปี พ.ศ.2565 ที่ผ่านมานั้น บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 7,750 ล้านบาท เติบโต 12.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากธุรกิจเมก้า วีแคร์ ที่รายได้เติบโต 23.7% ด้วยดีมานด์ของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนลง ด้านแมกซ์แคร์รายได้เติบโต 3.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 3,640 ล้านบาท เนื่องจากความท้าทายในเมียนมา


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard