บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC มั่นใจธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัวชัดเจนช่วงไตรมาส 3/2567 เหตุดีมานด์ทยอยขยับเพิ่มทั้งน้ำมันและปิโตรเคมี และบันทึกรับรู้รายได้ดีลใหญ่ ส่วนการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ รูปแบบ Single Pool ช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลง
นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPCเปิดเผยแนวโน้มธุรกิจบริษัทในปี 2567 ว่า เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2567 และจะดีขึ้นอย่างโดดเด่นในปี 2568 เป็นต้นไป ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ธุรกิจปิโตรเคมียังทรงตัวต่อเนื่องจากปีก่อนในไตรมาส 1/2567 บริษัทมี Commercial shutdown โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PP 1 ไลน์ผลิตในเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตหายไปประมาณ 20% จากเดิมผลิตอยู่ที่ 54,000 ตันต่อเดือน เหลือ 42,000-44,000 ตันต่อเดือน ซึ่งการตัดสินใจหยุดผลิตในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบเศรษฐกิจจีน และมีโรงงานผลิต PP ใหม่ขึ้นมาอีก 3-4 โรง ทำให้การผลิตไม่คุ้ม
บริษัทคาดการณ์ธุรกิจจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 นี้ เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันและปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว กอปรกับบริษัทจะปิดดีลลงทุนขนาดใหญ่ ที่จะสามารถบันทึกรับรู้รายได้ทันทีในช่วงไตรมาส 3/2567 ทำให้ผลประกอบการ IRPC ปรับตัวดีขึ้น
ส่วนการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ รูปแบบ Single Pool ส่งผลดีทำให้ต้นทุนราคาก๊าซฯในการผลิตไฟฟ้าของบริษัทลดลง แต่กลุ่ม ปตท.อาจไม่ได้รับผลดี ขณะที่ราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับ 78-79 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้สเปรดสูงขึ้น นอกจากนี้ในปี 2567 บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ (Specialty Product) จากปีก่อนมีสัดส่วนอยู่ที่ 38% เพิ่มขึ้นเป็น 48% ในปีนี้ โดยปีนี้มีการผลิตท่อ HDPE 100RC ซึ่งเป็นท่อที่ทนทาน ไม่ต้องรื้อถนน ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดและมีมาร์จิ้นสูงกว่าท่อพลาสติกเกรดทั่วไป
สำหรับราคาหุ้น IRPC ที่ต่ำลง มองว่าเป็นราคาหุ้นต่ำเกินจริงในแง่ Asset ภาพรวมในอนาคตยังมี Value โดยโรงงาน IRPC มีจุดเด่นคือความคล่องตัวในการผลิต แต่ละยูนิตอาจไม่ใหญ่นัก จึงไม่สะท้อนมายังผลประกอบการมากนัก ซึ่งราคาหุ้นที่ต่ำลงนี้เป็นโอกาสที่นักลงทุนทยอยเก็บได้