Advertisement
Leaderboard 728x90

“ฮัทชิสัน พอร์ท”เผยผลประกอบการประจำปี’65 มียอดขนถ่ายตู้สินค้าถึง 3.7 ล้าน TEU

ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย หรือ HPT ผู้ประกอบการท่าเรือชั้นนำในประเทศไทย เผยผลประกอบการประจำปี พ.ศ.2565 ด้วยยอดขนถ่ายตู้สินค้าถึง 3.7 ล้าน TEU (ตู้สินค้าขนาด 20 ฟุต) ที่ส่งให้บริษัทมีอัตราเติบโตที่ 5% เทียบกับปีที่ผ่านมาที่ 3.5 ล้าน TEU นับเป็นความสำเร็จของฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ท่ามกลางสถานการณ์การชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ทั่วโลกเผชิญอยู่ รวมทั้งผลกระทบเชิงลบต่อผลประกอบการทางการค้าของประเทศไทย

มร. สตีเฟ้นท์ อาร์ชเวิรท

มร. สตีเฟ้นท์ อาร์ชเวิรท กรรมการผู้จัดการ ฮัทชิสัน พอร์ท ประจำประเทศไทย และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่าการพัฒนาท่าเทียบเรือชุดดีของฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ในด้านเทคโนโลยีที่ช่วยขับเคลื่อนสู่การเป็น “ท่าเทียบเรือสีเขียว” ได้รับการยอมรับในระดับสากล ในเดือนตุลาคม 2565 บริษัทได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในผู้ได้รับรางวัล “ท่าเรือสีเขียว ประจำปี 2565” โดย APEC Port Services Network (APSN) ซึ่งเป็นองค์กรระดับนานาชาติที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้การสนับสนุนของเอเปคที่เป็นไปเพื่อการส่งเสริมพัฒนาท่าเรือเพื่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าบนเส้นทางสู่การเป็นผู้ประกอบการท่าเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นผู้ขับเคลื่อนที่สำคัญในกลุ่มบริษัทฮัทชิสันกับเป้าหมายด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์นอกจากนี้   ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ยังให้การช่วยเหลือนักเรียนที่โรงเรียนบ้านคลองปลิง จังหวัดชลบุรี เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวในบริเวณโรงเรียนด้วยการปลูกต้นไม้ และปลูกผักสวนครัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “โรงเรียนสีเขียว ประจำปี 2565” และยังได้ร่วมมือกับคณะพาณิชยนาวีนานาชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ในโครงการคืนชีวิตให้ขยะที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากขยะและวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์เป็นสิ่งของชิ้นใหม่

Advertisement
อ่าวขนอม ซีฟู้ด

สำหรับผลประกอบการประจำปี พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดขนถ่ายตู้สินค้าถึง 3.7 ล้าน TEU (ตู้สินค้าขนาด 20 ฟุต) ที่ส่งให้บริษัทเติบโตที่ 5% เทียบกับปีที่ผ่านมาที่ 3.5 ล้าน TEU นับเป็นความสำเร็จของฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ท่ามกลางสถานการณ์การชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ทั่วโลกเผชิญอยู่ รวมทั้งผลกระทบเชิงลบต่อผลประกอบการทางการค้าของประเทศไทยด้านความคืบหน้าในการพัฒนาท่าเทียบเรือชุดดี (Terminal D) ณ ท่าเรือแหลมฉบังที่กำลังเดินหน้าในปี พ.ศ.2566 นี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับตู้สินค้าให้กับบริษัทได้เพิ่มขึ้นอีก 800,000 TEU  โดยเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2565 ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ได้เสริมทัพส่วนปฏิบัติงานหน้าท่าด้วยปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าควบคุมจากระยะไกล (remote -controlled ship to shore cranes) จำนวนสี่คัน และปั้นจั่นยกตู้สินค้าในลานแบบล้อยาง (remote-controlled yard cranes) จำนวนแปดคัน ซึ่งทั้งหมดเป็นระบบควบคุมระยะไกลและใช้ระบบไฟฟ้า และช่วงปลายปี พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับมอบรถหัวลากอัตโนมัติไร้คนขับ (Autonomous Truck: AT) เพิ่มอีกจำนวนเก้าคัน เพิ่มจากรถหัวลากเดิมที่มี รวมทั้งสิ้นสิบห้าคัน นอกจากนี้ ยังมีรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอีกเก้าคันที่บริษัทรับมอบมาในช่วงปีที่ผ่านมา ความก้าวหน้านี้ไม่เพียงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานหน้าท่าเทียบเรือชุดดีเท่านั้น  แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนใบบริเวณท่าเทียบเรืออีกด้วย

ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 20 ปี การดำเนินกิจการในท่าเรือแหลมฉบังเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ.2565 ที่ผ่านมาและได้ฉลองความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่กับยอดสะสมตู้สินค้าผ่านท่าเทียบเรือชุดดีกว่า 35 ล้าน TEU ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2565 ทั้งนี้นับตั้งแต่เปิดดำเนินการในปี พ.ศ.2545  ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ได้ขยายกิจการมาอย่างต่อเนื่องจากที่มีพนักงานประจำ 150 อัตรา จนปัจจุบันบริษัทมีพนักงานประจำรวมถึง 1,400 อัตรา

“แม้ทั่วโลกจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย เรายังสามารถฝ่าฟันและทำได้ดีทั้งในช่วงครึ่งปีแรกตลอดจนถึงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอบริการที่หลากหลายเพื่อครอบคลุมการให้บริการแก่ลูกค้าสายเดินเรือของเราทั้งในยุโรป อเมริกาเหนือ อินเดีย ออสเตรเลีย รวมถึงการขนส่งสินค้าภายในเอเชีย  ส่วนการลงทุนในท่าเทียบเรือชุดดีจะยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทอย่างยั่งยืน” มร. สตีเฟ้นท์ กล่าว


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard