Advertisement
Leaderboard 728x90

GC ตั้งเป้ายอดขาย ปี’67 โต 10%

บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) ตั้งเป้าปริมาณการขายปี 67 โตขึ้น 10% จากปี66 ระบุชี้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีผ่านจุดต่ำสุดตั้งแต่ไตรมาส2/66 ขณะที่อัดงบ2.2หมื่นล้านบาท ลงทุนโครงการต่อเนื่อง จ่อซื้อคืนหุ้นกู้เพิ่ม 

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า GC ตั้งเป้าปี2567 มีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นกว่าปีนี้ เนื่องจากมีปริมาณการขายเติบโตประมาณ 10% จากปีนี้มีปริมาณการขายเม็ดพลาสติประมาณ 17 ล้านตัน โดยในปี2567โรงงานอะโรเมติกส์จะกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังผลิตซึ่งจะไม่มีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่แล้ว รวมทั้งมาร์จินปิโตรเคมีก็ปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE)ที่มีกำลังการผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดโลกน้อยลงแต่มีความต้องการเพิ่มขึ้น กลุ่มเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (specialty)เนื่องด้วยมองว่าภาพรวมธุรกิจปิโตรเคมีได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 2/2566

Advertisement
อ่าวขนอม ซีฟู้ด

ทั้งนี้ในส่วน allnexคาดว่าจะมีปริมาณการขายที่ดีขึ้นกว่าปีตามความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งในเอเชีย ยุโรป สหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจการกลั่นอาจปรับตัวลงตามค่าการกลั่นที่ชะลอลง

ในปี2567 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ2.2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนโครงการต่อเนื่องที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ7พันล้านบาท และใช้ซ่อมบำรุงปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทยังให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิการผลิตและลดค่าใช้จ่าย โดยปีนี้ลดค่าใช้จ่ายไปแล้ว 5-6 พันล้านบาท/ปี

โดยในปีนี้บริษัทจะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ หรือการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน การลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังรอบคอบ ดังนั้นบริษัทฯจึงศึกษาการปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ เพื่อรับมือความเสี่ยงทางธุรกิจที่จะมีขึ้นในอนาคต โดยจะมีการขายสินทรัพย์ในบางส่วนออกไปให้กับพันธมิตรคาดว่าจะเริ่มทยอยเห็นในปีหน้า

ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ allnexมีVolume ดีขึ้นทั้งจากจีน อินเดีย และคาดว่าจะดีต่อเนื่องในปี2567 แม้ว่าการซื้อกิจการของ allnexจะยังไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะมีปริมาณการขายลดลง แต่ก็มีกำไรเข้ามาปีละประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ

Advertisement
The Xpozir

โดยบริษัทยังเตรียมความพร้อมในการออกหุ้นกู้ทั้งสกุลเงินดอลลาร์และเงินบาท โดยที่ผ่านมา บริษัทมีการซื้อคืนหุ้นกู้มาแล้ว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้กำไรอยู่ที่ 500 ล้านบาท คาดว่าไตรมาส 4 ปีนี้จะมีกำไรเข้ามาเพิ่มขึ้นหากมีการซื้อหุ้นกู้เพิ่มเติม

สำหรับความคืบหน้าโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ ระยะที่ 2 มูลค่า 1,400 ล้านบาท ภายใต้การดำเนินโครงการของบริษัทลูก คือ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ GGC ซึ่งเป็นการลงทุนต่อเนื่อง 2-3 ปีหลังจากที่บริษัท NatureWorks LLC (NatureWorks) ตัดสินใจลงทุนโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด(PLA) คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568 มีกำลังผลิต 7.5หมื่นตัน/ปี

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานปกติ 1,614 ล้านบาท โดยรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันและรายการกำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net NRV) รวม 3,674 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2566บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,427 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ นอกจากนี้ ธุรกิจโมโนเอทิลีนไกลคอลยังกลับมาดำเนินการผลิตเป็นปกติหลังจากหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในช่วงครึ่งปีแรก


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard