การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ลุ้นเอกชนร่วมประมูลงานภาครัฐส่วนที่ 2 สร้างท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ขีดเส้นต้องได้ตัวภายใน ก.ย.2566นี้ ลั่นหากพลาดเป้า หวั่นกระทบสัญญาร่วมลงทุน เล็งเจรจากลุ่มกิจการร่วมค้า GPCขยายเวลาสัมปทาน
การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 โดยระบุว่า ภาพรวมในขณะนี้ต้องยอมรับว่างานก่อสร้างส่วนของภาครัฐที่ กทท.ต้องดำเนินการถึง 4 ส่วน ประกอบด้วยส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนนและระบบสาธารณูปโภค
ส่วนที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ และส่วนที่ 4 งานจัดหาประกอบและติดตั้งเครื่องจักรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ยังมีความล่าช้าอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้รับเหมาไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน กทท.ได้เริ่มงานภาครัฐในส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเลแล้ว โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ช่วง และพบว่าภาพรวมของทั้ง 3 ช่วงงานก่อสร้าง ขณะนี้ยังล่าช้าและเอกชนผู้รับเหมาโครงการได้มีการทยอยจ่ายค่าปรับแล้ว ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ต้องยอมรับว่าหากงานก่อสร้างทางทะเลแล้วเสร็จไม่ทันกรอบกำหนด ก็จะส่งผลกระทบต่อการส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนคู่สัญญาร่วมทุนโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 หรือกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC
นอกจากปัญหาความล่าช้าของงานก่อสร้างทางทะเลแล้ว ปัจจุบัน กทท.ยังอยู่ระหว่างเตรียมเปิดประกวดราคาจัดหาเอกชนรับเหมางานส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคา ท่าเทียบเรือ ระบบถนนและระบบสาธารณูปโภค ซึ่งถือว่าการดำเนินงานขณะนี้ล่าช้าไปกว่าแผน เนื่องจากก่อนหน้านี้ กทท.ได้เปิดประกวดราคาจัดหาผู้รับเหมาแล้ว แต่กลับพบว่ามีเอกชนยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียว ทำให้ต้องยกเลิกการประกวดราคาออกไป
ทั้งนี้ กทท.อยู่ระหว่างเตรียมเปิดประมูลงานส่วนที่ 2 โดยจะเปิดประชาพิจารณ์เอกสารประกวดราคา (TOR) ในเดือน พ.ค.นี้ หลังจากนั้นจะเริ่มขั้นตอนคัดเลือกเอกชนในเดือน ก.ค.2566 และคาดการณ์ว่าจะได้ตัวเอกชนรับเหมางานส่วนที่ 2 ภายในเดือน ก.ย.นี้ โดยการประกวดราคาครั้งนี้ หากมีเอกชนมายื่นข้อเสนอเพียงรายเดียว กทท.ก็จะเสนอเอกชนรายดังกล่าวให้คณะกรรมการ (บอร์ด) กทท.พิจารณาผลการประกวดราคา เนื่องจากงานส่วนที่ 2 ปัจจุบันล่าช้าอย่างมาก และหากยังไม่เริ่มดำเนินการอาจจะกระทบต่อการส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่ม GPC
สำหรับสาเหตุที่จะนำไปสู่การเจรจาแก้สัญญาร่วมลงทุนท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 นั้น เนื่องจากเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาดังกล่าว กทท.จะต้องส่งมอบพื้นที่ไม่เกิน 4 ปี หลังลงนามสัญญาร่วมลงทุน หรือไม่เกิน ก.ย.2568 โดยหากปัจจุบันงานก่อสร้างส่วนที่ 2 ยังไม่สามารถเริ่มดำเนินการได้ภายใน ก.ย.นี้ ก็เชื่อว่าจะมีความเสี่ยงสูงที่อาจทำให้กทท.ผิดสัญญาในการส่งมอบพื้นที่
อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องเจรจาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน ถือเป็นทางออกที่สามารถดำเนินการได้ เพราะสัญญาฉบับนี้ได้มีการระบุเงื่อนไขแนบท้ายสัญญาไว้แล้วว่า สามารถเจรจาแก้ไขรายละเอียดได้ หากมีผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดย กทท.ประเมินว่าทางออกของการเจรจามี 2 แนวทาง ประกอบด้วย 1.การลดหย่อนค่าสัมปทาน ผลตอบแทนที่จะมอบให้แก้รัฐ และ 2.ขยายเวลาสัญญาสัมปทาน
จากการประเมินแนวทางที่เหมาะสม และไม่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐ คือ การเจรจาขยายเวลาสัญญาสัมปทาน เพราะนอกจากจะทำให้รัฐยังไม่ผลประโยชน์ตอบแทนเช่นเดิมแล้ว ยังทำให้เอกชนมีโอกาสในการบริหารสัญญาเพิ่มขึ้นจากผลกระทบที่ได้รับด้วย แต่อย่างไรก็ดี การเจรจาจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ต้องอยู่ที่การประกวดราคางานภาครัฐส่วนที่ 2 ว่าจะสามารถดำเนินการได้ทันกรอบกำหนดใน ก.ย.2566 นี้หรือไม่