บริษัท โมชิ โมชิ รีเทลคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(MOSHI) ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย จัดเต็มสินค้าใหม่เอาใจทาสแมว ทาสหมา รุกเพิ่มพอร์ตสินค้า Pet Accessory เจาะตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย มุ่งเน้นจำหน่ายกลุ่มสินค้าราคาย่อมเยา เพื่อเติมเต็มความสุขให้ชีวิตของคนรักสัตว์เลี้ยง ด้วยไอเทมพิเศษเพื่อสัตว์เลี้ยงแสนรัก เริ่มวางจำหน่ายแล้วที่ร้าน Moshi Moshi 43 สาขาทั่วประเทศ
นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทลคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MOSHI)ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทยเปิดเผยว่า ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทรนด์ “Pet Humanization” หรือพฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์ที่เปรียบเสมือนเป็น “สมาชิก” คนหนึ่งของครอบครัว ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ “เพื่อน” แต่บางคนยังยกสถานภาพเทียบเท่ากับ “ลูก” เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันและมีแนวโน้มเติบโตอย่างไม่หยุด ซึ่งผู้เลี้ยงพร้อมจะทุ่มเทและใช้จ่ายในการสรรหาสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงได้มีสุขภาพดี แข็งแรงและมีความสุขมากที่สุด เป็นผลให้มูลค่าการใช้จ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้น และคาดว่าจะมีดีมานด์ (Demand) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ จึงได้ขยายพอร์ตสินค้าในร้าน Moshi Moshi เพิ่มเติม โดยเป็นกลุ่มอุปกรณ์เสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet Accessory) เจาะตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยโดยเน้นจำหน่ายกลุ่มสินค้าสำหรับสุนัขและแมวในราคาย่อมเยา เข้าถึงได้ซึ่งสำรวจแล้วว่าเป็นตลาดที่มีสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด ออกมาเพื่อเติมเต็มความสุขให้ผู้เลี้ยงและสมาชิกในครอบครัว ด้วยไอเทมพิเศษเพื่อสัตว์เลี้ยงแสนรัก เน้นในเรื่องของสีสัน ทันสมัย ไม่ตกเทรนด์และมีดีไซน์สวยงาม โดยจะเป็นสินค้าจำพวกของเล่นสัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์แต่งตัว ที่มีดีไซน์น่ารักและมีสีสัน โดยเริ่มจำหน่ายใน 43 สาขา เช่น สาขาสำเพ็ง, Platinum, สยามสแควร์วัน, Mega บางนา, Future Park รังสิต, Central เชียงใหม่, Central หาดใหญ่, The Mall โคราช, Central ขอนแก่น, Terminal 21 พัทยา และ Central พิษณุโลก เป็นต้น เช็คสาขาที่มีจำหน่ายได้ที่ Link: bit.ly/3C0iQiZ หากได้รับผลตอบรับที่ดี ก็จะวางขายในสาขาของโมชิ โมชิอื่นๆทั่วประเทศด้วยเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ในช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ ได้พัฒนาสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับศิลปินครีเอเตอร์ชาวไทยทั้ง 3 แบรนด์ เพื่อจัดทำผลิตภัณฑ์ 3 Collection พิเศษ ซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลาม และเตรียมออกสินค้าลิขสิทธิ์การ์ตูน Collection ใหม่มากมาย เพื่อเสริมเป้าหมายรายได้ในปี พ.ศ.2566 ให้เติบโตไม่น้อยไปกว่า 20% ตามเป้าหมาย