Advertisement
Leaderboard 728x90

ETDA เผยแผนการดำเนินงานปี’68 ด้วยแนวคิด“ก้าวที่มั่นคง เพื่อชีวิตดิจิทัลที่มั่นใจ”

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.)หรือ ETDA เผยแผนการดำเนินงานในปี 2568 ด้วยแนวคิด“ก้าวที่มั่นคง เพื่อชีวิตดิจิทัลที่มั่นใจ” ที่ต่อเนื่องกับ 2 บทบาทหลักของ ETDA ทั้ง “Co-Creation Regulator” และ “Promoter”ที่เน้นขยายการใช้งานเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม

ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDAกล่าวว่า กว่า 14 ปี ของ ETDA กับการขับเคลื่อนอนาคตธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศให้ก้าวสู่สังคมดิจิทัลด้วยบทบาทสำคัญ ทั้ง ‘Co-Creation Regulator’ กำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัลภายใต้กฎหมาย 2 ฉบับควบคู่ไปกับบทบาท  ‘Promoter’ มุ่งส่งเสริม รัฐ เอกชน SMEs ผนวก Tech Provider ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพ สู่เป้าหมายใหญ่ 30:30 ทั้งการเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลให้เพิ่มเป็น 30% ของ GDP และนำพาประเทศไทยขึ้นสู่ 30 อันดับแรกของโลก ในด้านความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลภายในปี 2670 ดังนั้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2564-2567) ถือเป็นช่วงการทำงานในวาระที่ 1 ได้เห็นประเด็นที่ท้าทายจึงเร่งเชื่อมงานต่อ สู่การทำงานในวาระที่ 2 ที่มุ่งเน้นขยายการใช้งานเทคโนโลยีในทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น ต่อยอด Ecosystem ที่ได้วางรากฐานเอาไว้โดยได้เดินหน้าผ่านการขับเคลื่อนงานใน 4 มิติหลักไม่ว่าจะเป็น

Advertisement
อ่าวขนอม ซีฟู้ด
  1. Digital Infrastructure & Ecosystem คนไทย…ทำธุรกรรมออนไลน์ น่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย Digital ID  ที่ได้ร่วมวางรากฐานของระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ที่รองรับการให้บริการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) ตั้งแต่  Digital ID Framework กรอบใหญ่ในการขับเคลื่อนการให้บริการฯ ที่บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนสู่การมีกลไกการกำกับดูแล ภายใต้กฎหมาย Digital ID พร้อมออกมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมการดำเนินงาน เช่น Biometric, การสแกนใบหน้า และการมอบอำนาจทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผู้ให้บริการ Digital ID ได้รับใบอนุญาตแล้ว 12 ราย รวม 16 ใบอนุญาตพร้อมสนับสนุนการเชื่อม Digital ID กับการให้บริการภาครัฐผ่านออนไลน์ (Government e-Service) แล้ว 449 บริการและในมุมของผู้ใช้งานหรือประชาชน ยังได้สร้างการรับรู้พร้อม Use case ผ่าน Social media อย่างต่อเนื่องกับแคมเปญ MEiD (มีไอดี)
  2. Digital Service Governance ลดความเสี่ยงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน คนไทย…เชื่อมั่นใน บริการดิจิทัลด้วยการกำกับดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลเพิ่มความโปร่งใส เป็นธรรมในการให้บริการ ภายใต้กฎหมาย DPS (Digital Platform Services) ผลักดันให้มีแพลตฟอร์มฯ แจ้งข้อมูลยืนยันตัวตนแล้ว 1,813 แพลตฟอร์ม (ข้อมูล 10 ก.ย. 2567) มี Best Practices ที่จะนำไปสู่การ Self-Regulation ในระยะยาว ที่จะช่วยลด Online Fraud ผ่านกฎหมายลูก 9 ฉบับ เช่นการชดใช้หรือเยียวยาผู้ใช้บริการ, Cash on Delivery (COD), Advertisement Screening และคู่มือการดูแลการขายสินค้าที่ต้องมีมาตรฐาน เสริมทัพด้วยศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์หรือสายด่วน 1212 ETDA ที่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับบริการแพลตฟอร์มนอกจากนี้ ยังเสริมศักยภาพการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาล (AI Governance) โดยศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ หรือ AIGC (AI Governance Center) ทั้งการให้คำปรึกษาระดับองค์กรการออก Guideline และ Toolkit เช่น Generative AI, AI Procurement Guideline จนถึง AI Roadmap Guideline เป็นต้น โดยที่ผ่านมาทางศูนย์ AIGC ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้ง UNESCO, NECTEC รวมไปถึงสถาบันการศึกษาและองค์กรชั้นนำ เพื่อเจาะกลุ่มภาครัฐ กลุ่ม Healthcare และภาคการเงิน
  3. Digital Adoption & Transformation หนุนทุกภาคส่วน ให้พร้อม Transformผ่านการยกระดับงานเอกสารภาครัฐสู่อิเล็กทรอนิกส์ (ระบบ e-Sarabanและ e-Signature) โดยหน่วยงานภายในกระทรวงดีอี ได้เชื่อมโยงกันเรียบร้อยแล้วและพร้อมให้หน่วยงานที่สนใจนำระบบไปติดตั้ง พร้อมกันนี้ยังสนับสนุนให้เกิด e-Timestamping Service Provider และมีระบบ e-Tax Invoice by email สำหรับในมุมของการส่งเสริมนี้นอกจากภาครัฐแล้ว ยังมี SMEs โดย ETDA ได้มีผลการประเมินความพร้อมด้านดิจิทัลในปีที่ผ่านมา จึงต่อยอดพัฒนาโมเดล เพื่อปิดช่องว่าง โดยเจาะพื้นที่เศรษฐกิจ EEC และภาคใต้ ในกลุ่มภาคการผลิตการค้า และการบริการ ทั้งการเพิ่มความรู้ และ Business matching ร่วมกับ Tech Providers ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมผ่าน Digital Service Sandbox ที่มีบริการผ่านทดสอบแล้ว 8 รายจากทั้งหมด 11 รายขณะที่ในมุมของการคาดการณ์อนาคตเพื่อเตรียมพร้อมแนวทางการดำเนินงาน ส่วนหนึ่งจากการที่ ETDA มีข้อมูลสะท้อนภาพอนาคตที่วิจัยและสังเคราะห์โดย ศูนย์ Foresight Center และศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลภายใน ETDA ที่มีการปล่อยรายงานประจำปี เช่น มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผลการศึกษาอนาคตด้านเทคโนโลยี จนไปถึง Mental Health เป็นต้น
  4. Digital Workforce, Literacy & Protection เพิ่มแรงงานดิจิทัลคุณภาพสู่ตลาดเสริมรายได้ชุมชน พัฒนาทักษะประชาชนรู้เท่าทัน และขยายสู่กลุ่มเปราะบางด้วยการพัฒนาทักษะแรงงานเฉพาะด้านดิจิทัลเข้าสู่ตลาดแรงงาน 12,406 คน โดยการอบรมทั้งระดับผู้บริหาร จนถึงปฏิบัติการ รวมถึงมี e-Learning ที่ทำร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (DSD Online Training) และการรับรองทักษะดิจิทัล Digital Skill Proficiency Certification (DSPC) แล้ว 135 คนที่ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ KBANK พร้อมกันนี้ ยังลุยลงชุมชนใน 4 ภูมิภาคเพื่อส่งเสริมสู่ Social Enterprise กับโครงการ ELDC (ETDA Local Digital Coach) ผ่านโมเดลการปั้นโค้ชดิจิทัลชุมชน เพื่ออบรมพัฒนาทักษะก่อนปล่อยลงสู่ชุมชนที่ได้รับคัดเลือกเพื่อพัฒนา Business plan ซึ่ง ETDA มีโค้ชฯแล้วกว่า 5,386 คน และชุมชนที่เข้าร่วม 757 ชุมชนที่มีการแข่งขันแผนการพัฒนาร่วมกับชุมชนผ่านแคมเปญประจำปี Craft Idea นอกจากนี้ยังเร่งกระจายความรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และรู้ทันภัยไซเบอร์สู่ประชาชนผ่านโครงการ EDC (ETDA Digital Citizen) และศูนย์ 1212 (ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์)ที่มีทั้งเปิดหลักสูตรใหม่ EDC Plus และ e-Learning โดยที่ผ่านมามีผู้อบรมแล้ว 57,522 คน และต่อยอดสู่ EDC Trainer เพื่อเป็นตัวแทนกระจายลงพื้นที่ ที่ตอนนี้มีเทรนเนอร์ 1,420 คน ใน 137 อำเภอคิดเป็น 16% ของทั้งหมด (878 อำเภอ) ซึ่ง ETDA ตั้งเป้าจะลุยให้ถึงอย่างน้อย 50% ภายในปี 2570 นี้ ในขณะที่กลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการทางการได้ยินก็ได้มีการพัฒนาสื่อที่ให้กลุ่มดังกล่าวได้เข้าถึง ที่ตอนนี้มีสถิติการเข้าถึงแล้ว   20,000 คนพร้อมกับเร่งกระจายการรับรู้ภัยไซเบอร์กับแคมเปญ ‘สร้างภูมิคนไทยรู้ทันปัญหาออนไลน์’ ที่ลงพื้นแล้ว 22 จังหวัด 4,880 คน พร้อมเผยแพร่สื่อประเด็นภัยออนไลน์สู่คนไทยทั่วประเทศ จนมีคนไทยเข้าถึงสื่อของ ETDA แล้ว 32.5 ล้านครั้งการเข้าชม

สำหรับการดำเนินงานในปี 2568 ชูแนวคิด‘ก้าวที่มั่นคง เพื่อชีวิตดิจิทัลที่มั่นใจที่ต่อเนื่องกับ 2 บทบาทหลักของ ETDA ทั้ง ‘Co-Creation Regulator’ และ ‘Promoter’ ที่เน้นขยายการใช้งานเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมกับ 4 โจทย์ใหญ่ ที่ ETDA ต้องไปต่อ ดังนี้

  1. ต่อยอด Digital Infrastructure and Ecosystem โดยเน้นงาน 4 กลุ่มสำคัญ คือ Document Management  เสริมศักยภาพโครงสร้างเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ Digital Platform Services เพิ่มการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล AI Governance & Data Sharing เสริมการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาลและการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ Legal & Standard พัฒนาและปรับปรุงกฎหมาย มาตรฐาน ที่เกี่ยวข้องพร้อมมุ่งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากผู้ให้บริการ (Service Provider) ผ่าน Innovation Sandbox
  2. เร่งกลไก Digital Service and Governance ผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมสำหรับการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลผ่านกลไกทั้งมาตรฐาน แนวปฏิบัติ (Best Practices) เพื่อให้เกิด Ecosystem ที่จะช่วยลดความเสี่ยงและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการ ผนวกการวิเคราะห์ผลกระทบ เช่น Labor Platform และ e-Commerce Platform เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเหมาะสม และสนับสนุนการมี Community ที่เข้มแข็งซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเกิด Self-regulation ในอนาคต พร้อมผนวกบทบาทสายด่วน 1212 ETDA เพื่อรองรับช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนของแพลตฟอร์มขนาดเล็กเสริมศักยภาพขององค์กรด้วย AI Governance โดยศูนย์ AIGC ทั้งการขยาย Sector สู่กลุ่ม Telecommunication และสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศการมี AI Guideline & Tool ใหม่ๆ เช่น AI Project Management, Data Governance for AI เตรียมออก Implementation Guidance ของไทยที่อ้างอิง UNESCO เกี่ยวกับจริยธรรมของ AI
  3. เสริมความเข้มข้น Digital Adoption and Transformation โดยผลักดันให้เกิดการใช้ Digital ID เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการภาครัฐและเอกชนที่มากขึ้นโดยเฉพาะบริการรัฐที่ตั้งเป้าเชื่อมระบบให้ได้ 80% ภายในปี 2568 นี้ มีแนวทางการใช้งาน Digital Document Wallet สำหรับการทดลองใช้งาน พร้อมกับส่งเสริมการใช้งานผ่านแคมเปญMEiD (มีไอดี)และติดสปีด SMEs ให้เกิดการใช้เทคโนโลยีเข้าไปสนับสนุนกระบวนการทางธุรกิจโดยนำโมเดลการทำงานขยายลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ที่นอกจาก ภาคการค้า การบริการแล้ว ยังขยายต่อในภาคการเกษตร มุ่งเน้นการเพิ่มความรู้ เพิ่มรายได้ขยายฐานลูกค้าและตลาดให้มากขึ้น
  4. เพิ่มประสิทธิภาพ Digital Workforce, Literacy & Protection – ผ่านการดำเนินงาน 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1) เพิ่มปริมาณแรงงานเฉพาะด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพตั้งเป้า 90,000 คนในปี 2570 ผ่านหลักสูตรระดับผู้บริหาร e-Learning การรับรองทักษะดิจิทัล (DSPC) และการรับรองทักษะโดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI)   2) เพิ่มรายได้ชุมชนและลดอัตราการว่างงานตั้งเป้าปี 2570 มีชุมชนเข้าร่วม 1,000 ชุมชนโดยต่อยอด Model การพัฒนาชุมชนในระดับภูมิภาค จับมือพาร์ทเนอร์ปั้นโค้ชดิจิทัลชุมชน ผนวกการพัฒนาชุมชนทั้งการเพิ่มความรู้ และการผนวกเครื่องมือทางออนไลน์พร้อมผลักดันสู่การจัดตั้งกิจการเพื่อสังคมก่อนส่งต่อพาร์ทเนอร์เพื่อส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง และ3) เสริมสร้างให้คนไทยรู้เท่าทันเทคโนโลยีและภัยออนไลน์ขยายต่อเนื่องในกลุ่มเปราะบางตั้งเป้ามี EDC Trainer กระจายลงอำเภอเพิ่มขึ้นอีก 10% (ไม่น้อยกว่า 80 อำเภอ) และมี 2570 เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 50% พร้อมเผยแพร่ความรู้และสื่อและเสริมการวัดผลกระทบทางสังคม (Social Impact) ในเชิงพื้นที่ ไปพร้อมๆกับการต่อยอดสร้าง Community เครือข่ายการทำงาน เพิ่มความยั่งยืนในการพัฒนาทักษะดิจิทัลคนไทย และปี 68 นี้ ETDA เตรียมพัฒนาแหล่งรวบรวมข้อมูลกลาง (Content Management) เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อและความรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น

“ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ETDA ยังคงก้าวอย่างมั่นคงในการสร้างอนาคตดิจิทัลของประเทศไทย ผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศโดยเป็นการทำงาน ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำครอบคลุมตั้งแต่ Ecosystem ไปจนถึงการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและการเข้าถึงของคนไทยในทุกกลุ่มอย่างปลอดภัย เพื่อพาประเทศก้าวสู่สังคม และเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมั่นใจแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมก้าวไปด้วยกัน เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้ชีวิตของทุกคนดียิ่งขึ้นกว่าที่เคย…ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล”ดร.ชัยชนะ กล่าว


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard