“เอ็กโก” เดินหน้าลงทุน 3 หมื่นล้านบาทขยายธุรกิจพลังงาน คาดปี’67 นี้เตรียมปิดดีลการเข้าซื้อหุ้นอีก 2-3 โครงการ

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ประกาศแผนงานในปี 67 โดยเดินหน้าแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง  ด้วยงบลงทุน 30,000 ล้านบาท และกำหนดเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 1,000 เมกะวัตต์

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO กล่าวว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจด้านการลงทุนโดยการถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ (Holding company) ที่ประกอบธุรกิจ 1. ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งในฐานะรายใหญ่ (IPP-Independent Power Producer) และรายเล็ก (SPP-Small Power Producer) 2. ธุรกิจการให้บริการด้านเทคนิคการจัดการแก่โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศโดยแผนงานในปี 67 เตรียมเดินหน้าแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง  ด้วยงบลงทุน 30,000 ล้านบาท และกำหนดเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 1,000 เมกะวัตต์

โดยมุ่งเน้นการลงทุนและเดินเครื่องโรงไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งสนับสนุนเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาดในพื้นที่ที่โรงไฟฟ้าเหล่านั้นตั้งอยู่ รวมทั้งการขยาย Portfolio พลังงานหมุนเวียน โดยมีความได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลี ใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกาพร้อมเร่งรัดโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนงาน รวมถึงบริหารการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่มีอยู่กว่า 40 แห่ง แต่ไม่ลงทุนใหม่ในเชื้อเพลิงถ่านหินมั่นใจว่าปีนี้จะมีกำไรพลิกกลับมาเป็นบวกได้ จากการรับรู้รายได้เต็มปีในโครงการที่เข้าลงทุนตั้งแต่ปี 2566 และโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ที่คาดว่าปีนี้จะสามารถปิดดีลโครงการใหม่ในรูปแบบการซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) อีก 2-3 โครงการ และมีโอกาสสูงมากในการต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ที่จะหมดสัญญาในเดือนพ.ค.2568 โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในการเจรจา เร็วๆ นี้

ในส่วนของผลการดำเนินงานปี 2566 เอ็กโก กรุ๊ป ขาดทุนสุทธิ 8,384 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการปรับโครงสร้างทางการเงินและการถือหุ้นของโครงการ Yunlin ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่กระทบกระแสเงินสดและไม่กระทบอัตราส่วนทางการเงินตามเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ แต่ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2566 ยังมีกระแสเงินสด 28,862 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.31 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2567 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) ประจำปี 2567 ให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2566 ในอัตรา 3.25 บาทต่อหุ้น หลังจากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12 เม.ย. 2567 จะทำให้ทั้งปี 2566 มียอดจ่ายปันผลทั้งหมดอยู่ที่ 6.50 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 5% สะท้อนสภาพคล่อง สถานะทางการเงินและพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง


Leave a Reply