กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) แนะเทคนิค ขับรถหน้าฝนรถเล็กเลี่ยงน้ำสูง 40 – 60 ซม.ลดความเร็วและรักษาความเร็วให้คงที่ใช้เกียร์ต่ำ ไม่ให้รถดับ เกียร์ออโต้ให้ใช้เกียร์ L ตรวจสอบเส้นทางและสภาพอากาศก่อนเดินทาง
นายเสกสมอัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก (ขบ.)เปิดเผยว่าเดือนกันยายนประเทศไทยได้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนและอาจเกิดน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่เบื้องต้นผู้ขับขี่ควรติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิดเพื่อให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีน้ำท่วมสูงหรือสามารถนำรถไปจอดในสถานที่ปลอดภัยได้ทันท่วงทีทั้งนี้ สำหรับผู้ขับขี่ที่จำเป็นต้องขับรถในพื้นที่น้ำท่วมสูงกรมการขนส่งทางบกมีข้อแนะนำ ดังนี้
1.ผู้ขับขี่ควรประเมินความสูงของระดับน้ำก่อนตัดสินใจเลือกใช้เส้นทางเพื่อความปลอดภัยและลดการเกิดความเสียหายต่อรถยนต์ โดยระดับน้ำตั้งแต่ 40 – 60 เซนติเมตรขึ้นไป เป็นระดับน้ำที่รถยนต์ขนาดเล็ก ควรหลีกเลี่ยงในขณะที่รถกระบะหรือรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีความสูงยังสามารถขับผ่านไปได้แต่แนะนำให้ปิดแอร์ขณะขับเพื่อป้องกันพัดลมแอร์หน้ารถดูดละอองน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์ดับกรณีระดับน้ำท่วมต่ำกว่า 40 เซนติเมตร หรือไม่เกินครึ่งล้อรถรถทุกชนิดยังสามารถขับผ่านไปได้ แต่ควรขับขี่ให้ช้าลงลดการเกิดคลื่นน้ำซัดเข้าหารถเพื่อลดความเสี่ยงที่น้ำจะกระจายเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์
2. รักษาระยะห่างจากรถคันอื่น เนื่องจากระบบเบรกที่แช่น้ำนานทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงจึงต้องเพิ่มระยะห่างให้มากขึ้นเพื่อให้สามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัย
3. ลดความเร็วและรักษาความเร็วให้คงที่
4. ใช้เกียร์ต่ำ เพื่อประคองเครื่องยนต์ไม่ให้ดับ หากเป็นรถยนต์เกียร์ออโต้ให้ใช้เกียร์ L
5. เมื่อขับพ้นน้ำท่วม เหยียบเบรกย้ำๆ เพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรก
6. เมื่อถึงที่หมายอย่าเพิ่งดับเครื่อง ให้ติดเครื่องยนต์ไว้สักพัก เพื่อไล่น้ำที่ค้างอยู่ตามเครื่องยนต์
@รถEV ระวังเป็นพิเศษ เลี่ยงน้ำสูงเกินครึ่งล้อ
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ EV หากต้องขับรถ ในพื้นที่น้ำท่วมควรประเมินสถานการณ์ก่อนเนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าจะมีแบตเตอรี่ที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญอยู่ด้านล่างตัวถังออกแบบให้ป้องกันน้ำเข้าเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าภายในรถหากระดับน้ำสูงไม่เกินครึ่งล้อรถ ที่ประมาณระดับ 40 เซนติเมตรสามารถขับผ่านได้ แต่ถ้าระดับน้ำสูงเกินขอบประตูรถยนต์ มีความเสี่ยงสูงไม่ควรขับต่อ ในกรณีเจอน้ำท่วมเป็นทางยาวควรเปลี่ยนเส้นทางไม่ควรขับลุยน้ำเกิน 30 นาที เสี่ยงน้ำเข้าระบบแบตเตอรี่
ส่วนรถจักรยานยนต์ให้ประเมินระดับน้ำที่สามารถขี่ผ่านได้อย่างปลอดภัยซึ่งจะอยู่ไม่เกินกรองอากาศหรือกึ่งกลางล้อหรือเช็กระดับน้ำจากรถคันหน้าว่าลึกระดับที่พอผ่านไปได้ หรือใช้ความเร็วต่ำระวังแรงดันน้ำอาจทำให้ผู้ขับขี่เสียการทรงตัวและไม่ทันมองเห็นลักษณะเส้นทาง เช่น ลูกระนาด หลุมบ่อระหว่างขับขี่ให้เว้นระยะห่างกับรถคันอื่นมากกว่าปกติ และควรกดเบรกย้ำๆตลอดเวลา เพื่อช่วยรีดน้ำออกและเพื่อป้องกันอาการเบรกติด และเบรกลื่นข้อแนะนำหลังขี่จักรยานยนต์ลุยน้ำ ติดเครื่องไว้สักพักเมื่อขับพ้นน้ำท่วมเพื่อไล่ไอน้ำและความชื้นออก และตรวจเช็กความชื้นระบบภายในเครื่องยนต์หากมีน้ำขังให้รีบซ่อมบำรุงโดยเฉพาะชุดกรองอากาศหากรถจักรยานยนต์ดับกลางทางไม่ควรสตาร์ทเพราะน้ำอาจจะเข้าสู่ห้องเครื่องแล้วยิ่งสตาร์ทยิ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายควรเข็นเข้าที่แห้งและนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด
ทั้งนี้แนะนำให้ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หลังขับผ่านบริเวณน้ำท่วมขังโดยอาจตรวจประเมินเบื้องต้นด้วยตนเองหรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อความปลอดภัยและมั่นใจในการใช้งานก่อนการเดินทางควรตรวจสอบเส้นทางและสภาพอากาศเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงฝนตก