
จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมวลมนุษยชาติ ทำให้หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย รวมตัวกันจัดเวทีการประชุมระดับนานาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP เพื่อสนับสนุนให้ทุกประเทศมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

สมุนไพรคือหนึ่งเครื่องมือ ที่ประเทศไทยนำมาช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในแง่ของการลดก๊าซเรือนกระจก การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการลดการพึ่งพาสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม


ภิญญ์ชยุตม์ อัครกุลศานต์ หรือ คุณหมี ประธานเอ็มกรุ๊ปโฮลดิ้ง คือหนึ่งผู้สนใจทำธุรกิจ โดยมีหมุดหมายไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยได้เข้าไปสนับสนุนและต่อยอดงานวิจัย ที่ใช้สมุนไพรในการผลิตสินค้าและบริการ ผ่านบริษัทในเครือเอ็มกรุ๊ป โดยเราได้จัดทำโครงการศึกษาวิจัย “การยกระดับการสร้างนวัตกรรมสมุนไพรแก้ปัญหาตะกรัน” ระหว่างบริษัทเฮิร์บ อินโนเทค จำกัด บริษัทในเครือฯ กับวิสาหกิจชุมชนรำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เพื่อให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นับเป็นการค้นพบครั้งแรกของประเทศไทย และเป็นครั้งแรกของโลกด้วย โดยเราจะทำการจดสิทธิบัตรเพื่อเป็นสมบัติของชาติไทยต่อไป
พ.ท.ชเนศร์ บุตรเทพ ผู้เชี่ยวชาญด้านสารสกัดสมุนไพร บริษัทเฮิร์บ อินโนเทค จำกัด เปิดเผยว่า ตนได้รู้จักกับนางสงัด พรมเมศ ประธานวิสาหกิจชุมชนรำมะสัก มาระยะหนึ่งแล้ว และเห็นถึงความสามารถในการนำสมุนไพรไทย ที่อยู่ใกล้ตัวมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายชนิด จึงได้หารือกันว่า จะมีสมุนไพรตัวไหนที่จะสามารถลดปัญหาตะกรันที่เกิดขึ้นที่เกิดขึ้นในระบบทำความเย็นทั้งในอุตสาหกรรม และครัวเรือน จึงนำไปสู่ความร่วมมือในการดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในภาคอุตสาหกรรม กับวิสาหกิจชุมชนรำมะสัก
“ส่วนตัวผมเองก็มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ในการค้นคว้า ศึกษาหา ข้อมูลทางด้าน Bio-fermented จากพืชสมุนไพรและผลไม้และเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการกำจัดและป้องกันการเกิดตะกรัน ในระบบทำความเย็น ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่าเป็นธรรมชาติ 100 % แต่สามามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนได้ค้นพบว่าผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาชาวบ้านที่เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรสมุนไพรแห่งหนึ่งที่มีสมาชิกกว่า 200 คน ในจังหวัดอ่างทอง มีความสามารถในการผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันในการซักล้าง เช่น สบู่ แชมฟูสระผม น้ำยาชักผ้า น้ำล้างห้องน้ำ” พ.ท.ชเนศร์ กล่าว

นอกจากนี้ ในบางขั้นตอนของขบวนการผลิต สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดที่จะผลิตสินค้าธรรมชาติ ใช้ในด้านอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าผลิตภัณฑ์เคมีที่มีใช้กันทั่วๆไป นั้นก็คือผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดและป้องกันการเกิดตะกรันและเมือกใน ระบบ Evaporative Condenser และ Cooling Tower ที่ประกอบไปด้วยสมุนไพรไทย อาทิ น้ำด่างธรรมชาติ สับปะรด มะละกอ มะกรูด มะนาว และอื่น ๆ หลังได้ร่วมมือกับ ประธานวิสาหกิจชุมชนรำมะสัก จังหวัดอ่างทอง ใช้ภูมิปัญญาไทยมาต่อยอด จนได้ผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดตะกรัน ทั้งแบบน้ำ และชนิดอัดเป็นก้อน โดยเฉพาะชนิดอัดก้อนถือว่าเป็น นวัตกรรมที่แรกในโลกที่ทำได้ ซึ่งนอกจากจะจัดการและป้องกันตะกรันที่เกาะแน่นแล้ว ยังมีการสร้างฟิล์ม Hydrophobic บนผิว โลหะป้องกันการกัดกร่อน , ลดความกระด้างของน้ำ กำจัดแบคทีเรีย ตะไคร่ และป้องกันการเกิด Biofilm

นางสงัด ประธานวิสาหกิจชุมชนรำมะสัก กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสมุนไพรของไทย จะสามารถยกระดับไปใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ โดยสรรพคุณของสมุนไพรไทยหลายตัว เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่องของการซักล้าง จึงนำจุดนี้มาคิดร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสารสกัดสมุนไพร จนสามารถนำมาต่อยอดจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดและป้องกันการเกิดตะกรัน ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งกว่าจะสำเร็จได้นั้นได้ผ่านการทดลองหลายต่อหลายครั้ง ใช้สมุนไพรหลายตัว และมีกระบวนการที่ซับซ้อน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ไม่เป็นอันตรายต่อคนใช้ และสิ่งรอบตัว นอกจากนี้ยังใช้แรงงานจากคนในชุมชน ทำให้มีรายได้ในการดูแลครอบครัวได้เพิ่มขึ้น ทั้งหมดคือความภูมิใจที่สามารถพัฒนาและยกระดับสมุนไพรไทย จากวิสาหกิจชุมชนเล็ก ๆ ได้
ปรียาวรรณ คำอยู่ ผู้บริหาร บริษัท MGREEN ENVIRONMENT ในบริษัท M Group Holding กล่าวว่า การกำจัดขยะ หรือกากของเสียในอุตสาหกรรม ที่ผ่านมาจะมีแต่การใช้สารเคมี ซึ่งเป็นอันตรายทั้งต่อสิ่งแวดล้อม และผู้ที่ใช้ นอกจากนี้คุณภาพน้ำในกระบวนการกำจัดกากของเสียที่ผ่านสารเคมี ก็ต้องถูกนำไปบำบัด ดังนั้นเมื่อมีการใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติคือสมุนไพร เข้ามาแทน ก็จะช่วยลดต้นทุนได้ ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดตะกรันจากสมุนไพรไทย ( Aqua Best ) ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากกลุ่มลูกค้าทั้งที่เกาหลี และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีแนวโน้มจะสั่งออเดอร์เพิ่มมากขึ้น
บริษัทฯ ยังพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรในด้านอื่นอีกเช่น ผลิตภัณฑ์ป้องกันการจับตัวของไขมัน ,ผลิตภัณฑ์ล้างครามน้ำมัน เพื่อลดปัญหาน้ำน้ำเสีย ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่น เพราะมูลค่าการใช้ผลิตภัณฑ์ในการกำจัดตะกรันซึ่งเป็นสารเคมีในตลาดโลก สูงถึง 1.5 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นโอกาสดี ที่จะนำสมุนไพรไทยไปทดแทนการใช้สารเคมี สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของความยั่งยืนของโลก ในการลดการใช้สารเคมี ลดโลกร้อน ซึ่งทั้งหมดนอกจากเป็นการยกระดับสมุนไพรไทย ออกสู่ตลาดอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ยังเป็นการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรและเกษตรกรให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย