Advertisement
Leaderboard 728x90

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 4 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติให้ดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 341,351.42 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (ปีงบฯ 68-75) โดยให้รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายปี และให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ และค้ำประกันเงินกู้ให้ตามความเหมาะสม

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา–หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร (กม.) กรอบวงเงิน 341,351.42 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ มีระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (ปีงบฯ 68-75) โดยให้รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายปี และให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ และค้ำประกันเงินกู้ให้ตามความเหมาะสม

Advertisement
Kreamy Proof

ทั้งนี้รถไฟไทย-จีนระยะที่ 2 จะเป็นการเชื่อมต่อเส้นทางจากเฟส 1 กรุงเทพ-นครราชสีมา-หนองคาย ไปยัง สปป.ลาวและจีน ซึ่งเป็นส่วนของบันทึกความเข้าใจที่จีนได้ต้องการให้เร่งรัดโครงการ เพราะเป็นเส้นทาง One Belt One Road ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนจีน ในวันที่ 5 -8 ก.พ.2568 นี้อีกด้วย

โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ขออนุมัติดำเนินโครงการระยะที่ 2 ประกอบด้วย การดำเนินการใน 2 ส่วน ได้แก่

ส่วนที่ 1 การก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากโครงการฯ ระยะที่ 1 ที่จะเริ่มต้นที่จังหวัดนครราชสีมา ไปจนถึงจังหวัดหนองคาย วงเงิน 335,665.21 ล้านบาท ระยะทาง 357.12 กม. ประกอบด้วย 5 สถานี ได้แก่ (1) สถานีบัวใหญ่ (2) สถานีบ้านไผ่ (3) สถานีขอนแก่น (4) สถานีอุดรธานี และ (5) สถานีหนองคาย โดยจะเริ่มก่อสร้างในปีงบประมาณ 2568 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2575 (รวม 8 ปี)

ส่วนที่ 2 การก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา วงเงิน 5,686.21 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นการก่อสร้างศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายสินค้าทางรถไฟ ทั้งขาเข้า – ขาออก ระหว่างทางขนาด 1 เมตร ของรถไฟไทย และขนาดทางมาตรฐาน 1.45 เมตร ของโครงการรถไฟลาว – จีน ในรูปแบบศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One stop service) โดยในส่วนของงานโยธา รัฐโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการลงทุนเอง และใช้รูปแบบ การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ในการบริหารจัดการ

Advertisement
The Xpozir

ทั้งนี้ทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกืจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) กระทรวงการคลัง และ สำนักงบประมาณมีความเห็นว่า โครงการนี้ใช้งบประมาณสูงมากในการดำเนินการ ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงแยกงานระบบเดินรถ ออกมาดำเนินการในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาทหรือประมาณ 23% ของมูลค่าโครงการ โดยเอกชนที่ได้รับคัดเลือกจะรับผิดชอบการเดินรถตลอดเส้นทาง ตั้งแต่กรุงเทพ-นครราชสีมา-หนองคาย

ส่วนงานโยธา รัฐโดย รฟท.ลงทุนเอง ซึ่งจะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างปกติ โดย รฟท.จะศึกษาเพื่อจัดทำเอกสารร่างของเขตของงาน (Terms of Reference : TOR ) ต่อไป โดยคาดว่า TOR จะเสร็จ เพื่อนำไปสู่การเปิดประมูลงานโยธาได้ประมาณ มิ.ย. 2568


Advertisement
Leaderboard 728x90
Advertisement
Billboard